เข้าสู่หลังการโยกย้ายครั้งใหญ่ภายใต้การกำกับดูแลของ รมว.เกษตรฯ “พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ” ที่มีการโยกย้ายข้าราชการ ตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงเกษตรฯ โดยเริ่มจากการดึงคนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากกรมป่าไม้ ข้ามห้วยมานั่งเป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯ อย่าง “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ”และดีดเอา “ชวลิต ชูขจร” ปลัดเกษตรฯ ไปนั่งตบยุงที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผลสั้นๆว่าเพื่อความเหมาะสมนั้น หมายเหตุ ถึงว่า ขณะนั้น “ชวลิต” มีชนักติดหลังคือ เรื่องทุจริตลำไย จากกลุ่มใครบางคนที่สวาปามลำไยจนปากพอง  แต่กฎหมายสาวไปไม่ถึง และเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา ผลชี้ชะตาของ ป.ป.ช.ฟันธง ว่า “ชวลิต” และพวกไม่ผิดเพราะเป็นแค่คณะกรรมการเตรียมการด้านข้อมูล จึงพ้นมลทินที่ติดตัวมานานกว่า 11 ปี

หลังจากพ้นมลทินที่ติดตัวมานานท่าน “ชวลิต” ก็ถือโอกาสสะสางล้างใจให้บริสุทธิ์ เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์บวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร “เมื่อวันเสาร์ 10  ตุลาคม ที่ผ่านมา  ซึ่งก็ต้องขออนุโมทนาบุญกับท่านอดีตปลัดด้วยคน  สาธุ จากนี้ไป เจ้ากรรมนายเวรที่คอยจองล้างจองผลาญทั้งในตัวท่านและชาวกระทรวงเกษตรฯจะได้ไปเสียที เพราะวันนี้ยังมีคนเห็นเจ้ากรรมนายเวร ของกระทรวงเกษตรฯ ยังวนเวียนแถวกระทรวงเกษตรฯ และนี้ก็ไม่ใช่ข้าราชการกลุ่มเดียวที่ยังมีเวรมีกรรมติดตัวจากเรื่องการทุจริต ที่มีลักษณะคล้ายๆ กันที่รอชี้ชะตา ว่าจะหมู่หรือจ่า ว่าเวรกรรมที่ติดตัวจะหลุดพ้นได้ เหมือนท่าน “ชวลิต”หรือไม่ คงถือเป็นบทเรียน ต้องระวัง

มาถึงอีกกลุ่มที่ถูกปรับแต่ง โยกย้ายจากท่าน  “ฉัตรชัย” คือ เหล่าข้าราชการ ระดับ 10  โดยมีการแต่งตั้งโยกย้ายกว่า 14
ตำแหน่ง เหลือไว้เพียงตำแหน่งเดียว คือ ตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน ที่ยังคัดหาคนนั่งไม่ได้ วันนี้ยังเดินไม่ค่อยจะตรงเพราะหลายคนยังเท้าบวมจากบุญหล่นทับและหลายคนยังต้องดามใจ เพราะหล่นจากเก้าอี้  แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะท่าน
“ฉัตรชัย” ทำงานแบบประกัน มาไวไปไวหากทำงานไม่เข้าตา เพราะวันนี้ทุกคนที่จะเข้าหา เริ่มเข้าใจตรงกันว่าใครที่จะเข้าหา ต้องมาแต่ตัวห้ามเอาอะไรติดตัวมาด้วยเด็ดขาดแม้แต่ดอกไม้ก็ไม่รับ ให้เข้าใจตรงกันจึงไม่ต้องเกรงใจใคร และไม่สนความรู้สึกจากช่อดอกไม้ของใคร ขอให้ทำงานตามที่สั่ง ตามนโยบายที่มีเพราะเห็นว่าหลังจากเข้าสู่เดือนตุลาคม ท่านรมว. “ฉัตรชัย”
นั่งในตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ ที่เดียว ติดตามงานได้เต็มที่ ที่สำคัญต้องมีอะไรคืบหน้าให้เห็นทุกสัปดาห์ งานนี้ใคร จะถูกโหวตออกรายต่อไปต้องติดตาม

เพราะจากนี้ไป ปัญหาใหญ่ของกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องเร่งเดินหน้าเต็มสูบคือ การรับมือกับปัญหาภัยแล้ง ที่ชัดเจนว่าไม่มีน้ำให้ทำการเกษตร โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำแม่กลองแน่นอน จากนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องลงพื้นที่ทำความเข้าใจให้กับเกษตรกร ไปพร้อมๆกับมาตรการเยียวยาแก้ปัญหาชี้ทางสว่างว่าช่วงแล้งที่กำลังจะมาถึง เดินหน้าอย่างไร ซึ่งแล้งนี้ก็ไม่ใช่มีทุ่งเจ้าพระยาอย่างเดียว แต่มีกันทั่วประเทศ ซึ่งต้องเดินหน้าแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กันกับการวางแผน และวางระบบการแก้ปัญหาระยะยาว ในเรื่องของการสร้างแหล่งน้ำ การปรับโครงการ การผลิตสินค้าเกษตร เพราะรัฐมนตรีวางนโยบายชัดเจนว่าปี 2559 ต้องเป็นปีแห่งการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลิตให้ได้ และที่ท่านรัฐมนตรีย้ำคือต้องยึดและน้อมนำแนวทางพระราชดำริในเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ มาแก้ปัญหาภาคการเกษตรให้เกษตรยืนบนขาตนเองให้ได้นั้นไม่รวมถึงปัญหาสินค้าเกษตรอย่างยางพารา ปาล์มน้ำมันที่ต้องสะสาง

ช่วงนี้ต้องบอกว่า เป็นช่วงเริ่มต้นของการทำงานใหม่ ซึ่งหลายกรมเป็นช่วงปรับเปลี่ยนรับนายใหม่  หลายกรมยังเป็นนายเก่า ที่ต้องเร่งสะสางงานให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จากนี้ไปพวกท่านๆ ไล่มาตั้งแต่ปลัดกระทรวงที่เป็นปลัดใหม่ถอดด้าม ไปจนถึงอธิบดีใหม่ถอดด้ามหลายคนจากนี้ไป คงจะเข้าสู่โหมดพิสูจน์ตนเองว่าเก่งแค่ไหน เพราะเกษตรกรรอพวกท่านๆ อยู่ สู้ๆ ครับ ต้องเอาใจช่วยจริงๆ