ยินดีด้วยครับ ที่เรื่องราวเป็นอันยุติลงเสียทีสำหรับกรณีรัฐบาล คสช.เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของ สสส.หรือสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับว่า สร้างคุณูปการในการสร้างสุขภาพ สุขภาวะที่ดีให้กับสังคมไทยเป็นอย่างมาก
สสส. เป็นหน่วยงานของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกองทุนฯ ถือเป็นองค์กรด้านสุขภาพรูปแบบใหม่ ที่สอดคล้องกับมติของสมัชชาสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(World Health Assembly Resolution12.8 : Health Promotion and Health Life-Style) ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
สสส.จัดตั้งขึ้นตามพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 มีหน้าที่ริเริ่ม ผลักดัน กระตุ้น สนับสนุน และร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในสังคม ในการขับเคลื่อนกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพให้คนไทยมีสุขภาพดีครบ 4 ด้าน คือ กาย จิต ปัญญา สังคม และร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ความเชื่อและสภาพแวดล้อม ให้เอื้ออำนวยต่อคุณภาพชีวิต อันจะช่วยลดภาระทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยมีเป้าหมายในการลดอัตราการเจ็บป่วย และเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนไทย
ทั้งนี้ ทุนอุดหนุนสสส.ได้มาจาก“ภาษีบาป” ที่รัฐจัดเก็บจากผู้ผลิตและนำเข้าสุราและบุหรี่ในอัตรา 2% ของภาษีที่ต้องชำระได้เงินมาใช้ปีละ 3-4 พันล้าน เงินกองทุนดังกล่าวมีการอนุมัติให้กับโครงการต่างๆ ที่กลุ่ม องค์กร หรือเครือข่ายประชาสังคมหลายพันองค์กรเสนอขอมาปีหนึ่งๆ หลายพันโครงการ แม้ที่ผ่านมา จะถูกค่อนแคะอยู่บ้างเรื่องความโปร่งใส จากคนที่เข้ามาของบฯแล้วไม่ได้ หรือจากสื่อบางส่วนซึ่งหลายเรื่องต้องยอมรับว่ามีส่วนจริงที่สมควรให้ติติง แต่อีกด้านก็ยังมีความพยายามจากผู้มีอำนาจโดยเฉพาะจากฝ่ายการเมือง ที่หาเรื่องติเตียนเพื่อหวังจะเข้ามาแทรกแซง กุมอำนาจการใช้เงินกองทุนนี้...
อย่างไรก็ตามภาพรวม สสส.ก็ยังคงเป็นที่ยอมรับของสังคมส่วนใหญ่ในผลงานที่ปรากฏ
ผมเองโดยส่วนตัวก็ชื่นชมหลายๆโครงการที่สสส.ให้ทุนสนับสนุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้กับชุมชนและพี่น้องในภาคการเกษตร โดยเฉพาะโครงการจำนวนมากและหลากหลายที่มีส่วนสนับสนุนการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเกษตรกรไปสู่การทำ “เกษตรอินทรีย์” ลดพึ่งพิงการใช้สารเคมีเพื่อเร่งผลผลิต แบบที่ทำกันอยู่อย่างเคยชิน ซึ่งเป็นการเกษตรที่นับวันก็พิสูจน์ถึงผลเสียมากกว่าผลดี ไม่ได้ทำให้เกษตรกรเลี้ยงชีพได้อย่างยั่งยืน แต่กลับมีผลร้ายต่อสุขภาพของตัวเกษตรกรเองและผู้บริโภค ทั้งยังส่งผลเสียต่อความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินและทำร้ายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ดังนั้น ผมจึงแอบเอาใจช่วย เมื่อสสส.เจอมรสุมหนนี้ ถูกรัฐบาลคสช.โดยคตร.คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเข้ามาตรวจสอบ โดยมีการสรุปเบื้องต้นในทำนองพบความไม่โปร่งใสในการอนุมัติเงินทุนอุดหนุนบางโครงการไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย เป็นแรงกดดันจนผู้จัดการสสส.อย่าง ทพ.เรืองอารีย์รัชต์กฤษดา ต้องลาออกแสดงความบริสุทธิ์ใจ เปิดทางให้รัฐเข้ามาตรวจสอบให้เต็มที่ เพื่อความโปร่งใส...
ซึ่งการเข้ามาตรวจสอบสสส.ครั้งนี้ในอีกมุมหนึ่ง ก็นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์คสช.เองด้วยเช่นกันว่า มีเจตนาอะไรกันแน่?
เมื่อเรื่องการตรวจสอบสสส. ถูกมอบให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมเป็นประธาน เข้ามารับผิดชอบ ผมก็อดเบาใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา ผลงานศอตช.โดยพล.อ.ไพบูลย์นั้นสร้างเครดิตความเชื่อมั่นไว้มาก ทั้งทราบข่าวว่า สสส.ก็เตรียมข้อมูลพร้อมชี้แจงข้อสงสัยต่างๆไว้อย่างเต็มที่ ซึ่งระบบที่ทำมา มีความละเอียดรัดกุมมากในการอนุมัติโครงการ อนุมัติงบฯต่างๆ ที่รับประกันได้ว่า “ไม่ซี้ซั้ว”
ล่าสุด ศอตช.เรียกทุกฝ่ายทั้ง คตร.,สตง. ตัวแทนองค์กรปราบคอร์รัปชั่นอย่างป.ป.ช., ป.ป.ท.เข้าหารือ และให้สสส.ชี้แจงทุกประเด็นสงสัย ก่อนมีมติยุติการตรวจสอบสสส.แล้ว โดยพล.อ.ไพบูลย์ยืนยันไม่พบการทุจริต แสดงว่า สสส.สามารถเคลียร์ตัวเองได้ แม้มีบางจุดที่ยังเป็นข้อบกพร่อง ที่ต้องไปแก้ไขตัวบทกฎหมาย ไม่ให้เกิดปัญหาเป็นความกังขาของสังคมอีก โดยเฉพาะเกี่ยวกับนิยาม“การเสริมสร้างสุขภาวะ ที่กว้างเกินไป ทำให้เข้าใจว่า จะทำอะไรก็ได้เพื่อสุขภาพ”
ก็ถือว่า จบลงด้วยดี เหตุการณ์ครั้งนี้ เชื่อว่า คงจะทำให้สสส.ต้องปรับตัวทำงานที่รัดกุม โปร่งใสมากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี