ไทยและศรีลังกาได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2498 ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นไปอย่างราบรื่นและใกล้ชิด โดยมีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและศาสนาเป็นมิติสำคัญของความสัมพันธ์ ดังนั้น จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวไทยร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ พุทธมณฑล จ.นครปฐม ภายใน 1-16 พฤศจิกายน 2558 นี้ อย่างพร้อมเพรียงเพื่อเป็นมงคลต่อชีวิตและครอบครัว
นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่นายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีแห่งศรีลังกา พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยกราบถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญ (ไหปลาร้า) พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้อัญเชิญมาจากวัดมหิยานกะนะราชามหาวิหาร ประดิษฐานชั่วคราว ณ หอประชุมพุทธมณฑล จ.นครปฐม ระหว่างวันที่ 1-16 พ.ย. 2558 นั้น
สำนักพุทธฯ จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวต่างประเทศได้มาสักการะพระบรมสารีริกธาตุตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 16 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนที่มาสักการะได้ร่วมบริจาคในการเป็นเจ้าภาพเจริญพระพุทธมนต์พระบรมสารีริกธาตุ และร่วมจัดทำภาพพระบรมสารีริกธาตุ ภาพหินแกะสลักพระพุทธรูป และพระเครื่องฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เพื่อมอบเป็นที่ระลึกให้แก่ชาวพุทธ ที่บริจาคดำเนินการในพิธีสมโภช ที่จะจัดขึ้นตลอดที่พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ในประเทศไทย
นายพนมกล่าวต่อว่า สำนักพุทธฯนิมนต์เจ้าคณะปกครองนำคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนมาร่วมเจริญพระพุทธมนต์ สมโภชถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา ในวันที่ 11 พ.ย. 2558 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด หอประชุมพุทธมณฑลอย่างเป็นทางการโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาและราชอาณาจักรไทยรัฐบาลศรีลังกาได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาที่มีความสัมพันธ์มาเป็นเวลาช้านาน จึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก เป็นเวลา 16 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-16 พฤศจิกายน เพื่อเปิดให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวต่างประเทศได้มีโอกาสเข้าสักการะ ถวายเป็นพุทธบูชา
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระรากขวัญ หรือกระดูกไหปลาร้า ที่ไทยจะได้อัญเชิญมาจากศรีลังกานั้น นายพนม ศรศิลป์
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันได้ถูกเก็บไว้ ณ มหิยานกะนะราชามหาวิหาร ประเทศศรีลังกา สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพและมีอายุยาวนานกว่า 2,500 ปี หลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ 9 เดือน พระพุทธเจ้าได้เสด็จเยือนศรีลังกาเป็นครั้งแรก และทรงประทับรอยพระบาทไว้ในบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดแห่งนี้
ในเวลาต่อมาหลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระอรหันต์นามว่า สาราพุ มหาเถระ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุซึ่งเป็นกระดูกไหปลาร้าด้านซ้ายของพระพุทธองค์จากเถ้ากระดูกไปบรรจุและสักการะที่สถูป วัดมหิยานกะนะ ซึ่งได้รับการบูรณะตกแต่งโดยใช้หินสีทองและยกขึ้นให้สูงเป็น 12 ศอก ภายหลัง กษัตริย์อรรถฐา จุฬาพญา ได้ยกสถูปให้มีความสูงเพิ่มขึ้นเป็น 30 ศอก โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถูปเดิม
รายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถูป มหิยานกะนะกล่าวถึงรัชสมัยของกษัตริย์ วิเจยะบาที่ 1 กษัตริย์พระองค์แรก ผู้ปกครองอาณาจักรโปโลนนาฬุวะ บทที่เกี่ยวกับสถูปมหิยานกะนะของหนังสือเรื่องสถูปของศรีลังกา เขียนโดย ศ.เสนารัตน์ ปรณาวิทนะ ระบุว่า กษัตริย์วิเจยะบาที่ 1 ทรงบูรณะสถูปโดยคงความสูงไว้ที่ 80 ศอกเท่าเดิม และในขณะเดียวกันก็ทรงรักษาไว้ซึ่งสถูปเดิมที่สร้างโดยนายสุมนาและพระอรหันต์สาราพุ มหาเถระ รวมทั้งยังฝังสิ่งของโบราณต่างๆ ทั้งสินค้าและเหรียญที่ใช้ในยุคที่พระองค์ครองราชย์ และวางตลับหินที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุจำนวนหนึ่งซึ่งเคยฝังไว้ในสมัยกษัตริย์ตุทุเกมุนุไว้ในห้องบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
หลังจากยุคของกษัตริย์วิเจยะบาที่ 1 การบูรณปฏิสังขรณ์สถูปครั้งใหญ่เกิดขึ้นในช่วง 2 ทศวรรษ คือ ค.ศ.1950-1960 งานบูรณะเริ่มขึ้นในช่วงของนายกรัฐมนตรีคนแรกของศรีลังกา นายดีเอส เสนานะยะเก และนายดัดลี เสนานะยะเก ได้เปิดส่วนยอดของสถูปที่บูรณะออก และในระหว่างการบูรณะพระบรมสารีริกธาตุจำนวนหนึ่งที่ถูกเก็บไว้ในตลับโดยกษัตริย์ตุทุเกมุนุได้ถูกบรรจุกลับไว้ดังเดิมในสถูปที่บูรณะและได้เก็บรักษาไว้ในที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของวัดมหินยานกะนะ
ในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับประเทศศรีลังกา รัฐบาลไทยเตรียม
เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่ โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศ ศรีลังกามาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ที่หอประชุมพุทธมณฑล จ.นครปฐม เป็นเวลา 16 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-16 พฤศจิกายน เพื่อเปิดให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวต่างประเทศได้มีโอกาสเข้าสักการะ ถวายเป็นพุทธบูชา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 ณ ห้องรับรองพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ต้อนรับประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา นายไมตรีปาละ สิริเสนา ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของรัฐบาลไทย พร้อมรับมอบพระบรมสารีริกธาตุจากวัดมหิยานกะนะ ราชมหาวิหาร เมืองอนุราชปุระ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ซึ่งรัฐบาลไทยได้จัดพิธีรับมอบอย่างยิ่งใหญ่
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจการด้านศาสนา ได้มอบหมายให้พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) กรรมการมหาเถรสมาคม และคณะจำนวน 10 รูป เป็นผู้แทนคณะสงฆ์ไทยในพิธีรับมอบพระบรมสารีริกธาตุจากศรีลังกา จากนั้นขบวนรถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ได้เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังหอประชุมพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อประดิษฐานเป็นการชั่วคราว
จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวไทยร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศศรีลังกา ณ หอประชุมพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน เวลา 09.00-18.00 น. ในโอกาสนี้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี