ขอร่วมแสดงความเสียใจกับชาวฝรั่งเศสด้วย กับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา จากการโจมตีหลายจุดในกรุงปารีสของกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 129 ศพ บาดเจ็บอีกจำนวนมาก นับเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้โลกต้องหวาดผวาอย่างรุนแรงอีกครั้ง และมหานครไม่ว่าที่ไหนในโลก ก็คงไม่สามารถมั่นใจความปลอดภัย รอดพ้นจากภัยก่อการร้ายได้อย่างเต็มที่อีกต่อไป
โลกาภิวัตน์ โลกที่ไร้พรมแดนทุกวันนี้ เหตุการณ์แม้เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศสในทวีปยุโรป แต่ก็เหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัว ยังความตื่นตระหนกไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย เช่นเดียวกับผลกระทบในทุกเรื่อง ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ
การค้า การลงทุน จนถึงการเมือง สังคม ตลอดจนสิ่งแวดล้อม ที่ต้องข้องเกี่ยวกันไปหมด
อย่างเรื่อง “การทำประมง”ที่สหภาพยุโรปหรืออียูให้ “ใบเหลือง”กับประเทศไทยในเวลานี้ ก็อ้างเหตุที่ไทยไม่ให้ความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุมที่เพียงพอ หรือที่เรียกว่า IUU(Illegal, Unreported and Unregulated Finishing) ซึ่งการทำประมงที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ทำประมงอย่างถูกต้อง กลายเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทั้งคุกคามความมั่นคงทางอาหารทะเล ส่งผลเสียหายต่อสภาพสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจโดยรวม
เหตุผลที่อ้างก็ฟังขึ้นส่วนหนึ่ง แม้ว่าในกระบวนการเกี่ยวกับเรื่อง IUU ที่อียูนำมาใช้กับประเทศต่างๆที่ทำการค้า ส่งออกสินค้าอาหารทะเลไปยังยุโรป จะมีบางส่วนแอบแฝงเรื่องกีดกันทางการค้าหรือใช้เพื่อการต่อรองผลประโยชน์ทางการค้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ก็ตาม
สำหรับประเทศไทยเราเมื่อถูกให้“ใบเหลือง” เป็นการเตือนให้เร่งแก้ไขปัญหาภายในเวลาที่อียูกำหนดไว้ มิเช่นนั้นจะโดน“ใบแดง”ที่มีโทษถึงขั้น“แบน”ห้ามส่งออกสินค้าอาหารทะเลไปอียู ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างแรง เพราะอียูเป็นตลาดส่งออกสินค้าอาหารทะเลของไทยที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากญี่ปุ่นและสหรัฐ โดยมีมูลค่าที่ไทยส่งไปขายปีละหลายหมื่นล้านบาท
ดังนั้นรัฐบาล คสช.ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเอาจริงเอาจังเร่งแก้ปัญหาเพื่อ“ปลดล็อกใบเหลือง”นี้ให้ได้ หลังจากยังทำไม่สำเร็จในรอบที่แล้วที่เพิ่งสิ้นสุดไปเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา และถูกต่อ“ใบเหลือง”ไปอีก 6 เดือน ถึงช่วงเม.ย.ปีหน้า
สรุปกันอีกทีว่า สิ่งที่อียูเรียกร้องให้ไทยปฏิบัติตามในการแก้ไขปัญหา IUU มีอะไรบ้าง
ก็มีการปรับปรุงกฎหมายด้านการประมงในประเทศให้สอดคล้องกับหลักการสากล,การปรับปรุงแผนระดับชาติในการป้องกัน ขจัด และยับยั้ง การทำประมงผิดกฎหมาย ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง,ติดตั้งระบบติดตามเรือ(VMS) โดยเฉพาะเรือประมงขนาดใหญ่ ที่ออกไปทำประมงในน่านน้ำต่างประเทศให้ทั่วถึง เพื่อควบคุมการทำผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าประมง ที่จะต้องทำให้ทราบได้ว่า ปลาหรือสินค้าประมงที่จับมาได้ มาจากเรือลำใด ในน่านน้ำใด อาทิ การมีใบรับรองการจับสัตว์น้ำที่ถูกต้องตามกฎหมาย
พล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ รมว.เกษตรฯยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ว่า การแก้ไขปัญหา IUU คืบหน้าไปมาก โดยแผนระดับชาติต่างๆในการป้องกัน ยับยั้งและขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย แผนบริหารจัดการประมงทะเล,แผนป้องกันการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ภาคประมง เป็นต้น ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุดวันศุกร์ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา วันเดียวกับที่เกิดเหตุร้ายในปารีส เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาก็ได้เผยแพร่พระราชกำหนดประมง 2558 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 14 พ.ย.2558 เป็นต้นไป เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหา IUU โดยการที่รัฐบาลออกกฎหมายเป็น “พระราชกำหนด” ไม่ต้องผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อน ก็เพื่อความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา
สัมปทานเนื้อที่คอลัมน์หมดลงแค่นี้ ดังนั้นใครสนใจเนื้อหาพระราชกำหนดเป็นอย่างไรบ้าง ก็คงต้องไปเปิดดูในเว็บไซต์
ราชกิจจานุเบกษาได้
แต่ขอบอกว่า กฎหมายนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญยิ่งที่รัฐบาลเชื่อว่า จะช่วยให้ปลดล็อก“ใบเหลือง”ได้สำเร็จภายในเม.ย.ปีหน้าแน่
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี