ได้อ่านข่าวที่ รองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ตำหนิกระทรวงเกษตรฯ ว่า ไม่ดูแลชาวสวนผลไม้ไทย ปล่อยให้พ่อค้าจีนรุกเข้ามาครอบครองเป็นเจ้าของสวน ตั้งโรงรวบรวมผลผลิต และส่งผลไม้ไปขายในประเทศจีน จนชาวสวนไทยแท้ๆมีพื้นที่ปลูกผลไม้เพียงเล็กน้อย แค่พอกิน พอขายในท้องถิ่น
ทราบว่ารองนายกรัฐมนตรี สมคิด พูดเรื่องนี้เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาในคราวมาเยี่ยมเยียนและประชุมกับผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ทราบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ชี้แจงว่าอย่างไร หรือ บรรดาอธิบดี หรือ เลขาธิการสำนักงานที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสชี้แจงหรือไม่อย่างไร
อันที่จริง...เรื่องนี้จะมาตำหนิกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานเดียวก็ไม่ถูกนัก กระทรวงพาณิชย์ ก็มีส่วน กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็มีส่วน บรรดาเอกชนพ่อค้าส่งออกทั้งหลายล้วนมีส่วนด้วยกันทั้งนั้น เพราะต่างก็ส่งเสริมการขายให้ต่างชาติหันมานิยมชมชอบผลไม้ไทย ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน มังคุด ลำไย ส้มโอ ชมพู่ และอื่น ๆ อีกหลายชนิด ต่างชาติที่นิยมผลไม้ไทยมีทั่วโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ประเทศในเอเชียด้วยกัน เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลี แต่ประเทศเหล่านี้ล้วนมีเงื่อนไข และกฎระเบียบที่เข้มงวด จนผลไม้ไทยหลายชนิดไม่สามารถทำลายกำแพงไปได้
จะมีก็ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน นี่แหละที่ค่อนข้างจะมีหนทางสะดวกหน่อย แม้จะมีกฎระเบียบ แต่ก็เป็นสิ่งที่ไทยปฏิบัติได้ ที่สำคัญเหนือไปกว่านั้นคือ ประชากรจีนมีจำนวนเป็นพันล้านคน เรียกว่ามีเท่าไรก็ขายได้หมด นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ ขนส่งสะดวกรวดเร็วกว่าเดิมมาก ยิ่งมีเส้นทางสาย R3 และ R9 ที่เชื่อมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ไปถึงคุนหมิง ของจีน ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการกระจายสินค้าไปยังมณฑลต่างๆ ของจีนด้วยแล้ว ยิ่งหนทางสะดวก
ที่รองนายกฯ สมคิดว่า คนจีนมากว้านซื้อผลไม้ไทย ส่งเสริมให้ชาวสวนไทยปลูกผลไม้ที่มีคุณภาพแต่จะกดราคารับซื้อ และปัจจุบันรุกคืบมาตั้งโรงคัดบรรจุ หรือ ล้ง นั้น ไม่น่าจะมีมากมาย ชาวสวนของไทยเดี๋ยวนี้ใช่ว่าจะยอมให้กดราคารับซื้อได้ง่ายๆชาวสวนส่วนใหญ่มีสัญญาขายผลผลิตให้ผู้ส่งออก บางรายเป็นลูกไร่ของบริษัทส่งออก และใช่ว่าชาวสวนจะอยู่กันแบบตัวใครตัวมัน ชาวสวนมีการรวมกลุ่มกันผลิต รวมกลุ่มกันขาย ผู้ส่งออกต้องพึ่งชาวสวน ชาวสวนต้องพึ่งผู้ส่งออก ต่างพึ่งพาอาศัยกัน จะมีพ่อค้าแม่ค้าส่งออกรายใหญ่ๆ ของไทยไม่กี่รายที่ค้าขายผลไม้กับประเทศจีน ซึ่งรายใหญ่ๆ ที่ว่านี้ต่างก็ร่ำรวยไปตามๆ กัน อาจจะมีการชักชวนผู้นำเข้าของจีนเข้ามาลงทุนในไทยบ้างอันนี้เป็นเรื่องธรรมดาของการค้าขาย อยู่ที่กฎหมายบ้านเราจะปกป้องเกษตรกรของเรามากน้อยแค่ไหน ที่เห็น ๆ คือ ชาวสวนของเราแฮปปี้ ขายผลไม้ให้ผู้ส่งออกได้ ไม่มีเหลือให้ต้องขนมาเทกองหน้ากระทรวงเกษตรฯ ให้รัฐมนตรีปวดใจ
ท่านรองนายกฯ สมคิด ไม่ได้พูดถึงอีกด้านหนึ่ง คือผลไม้ของจีนที่นำเข้ามาขายในบ้านเรา มีมากเสียจนหาซื้อมารับประทานได้ง่ายกว่าผลไม้ไทย ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิ้ล สาลี่ พลับ องุ่น ส้ม ราคาไม่สูงมาก อยู่ในระดับที่คนธรรมดาอย่างเราๆ จะหาซื้อมารับประทานได้ เมื่อเทียบกับกล้วยน้ำว้าหวีละ 45 บาท กล้วยหอมผลละ 10 บาท ส้มบ้านเราเผลอๆ แพงกว่าส้มที่มาจากจีน ลองดูกระเช้าผลไม้ที่ท่านอาจจะได้รับตอนเทศกาลปีใหม่ส่วนใหญ่เป็นผลจากจีน เพราะผลไม้ไทยช่วงปีใหม่มีแต่ส้ม หรือไม่ก็ชมพู่ แต่ผลไม้จีนที่ทะลักเข้ามาทางเรือในช่วงปีใหม่มีหลายชนิดดังที่กล่าวมาแล้ว
การที่จะตั้งมิสเตอร์ผลไม้เป็นรายชนิด เพื่อดูตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้ครบถ้วนกระบวนความนั้น ไม่ใช่กระทรวงเกษตรฯ ไม่เคยทำ เคยทำมาแล้ว มิสเตอร์พืชต่างๆ แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนรัฐมนตรี นโยบายก็เปลี่ยนไป หรือไม่มิสเตอร์ที่ตั้งมาดูแลพืชชนิดนั้นๆ เติบโตในหน้าที่ราชการเปลี่ยนตำแหน่งไปเป็นอย่างอื่น มิสเตอร์ใหม่มาก็ขาดช่วงขาดตอน ตามธรรมเนียมของระบบราชการในบ้านเราไม่เคยมีการสร้างตัวตายตัวแทน หรือ สร้างคนใหม่ให้เรียนรู้งานแบบทำแทนกันได้ ถ้าจะตั้งกันอีกคราวนี้ ต้องคิดหาวิธีกันให้ดีๆ
งานนี้หนักใจแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอกฉัตรชัยสาริกัลยะ ปลัดกระทรวง ธีรภัทรประยูรสิทธิ และระดับอธิบดีที่เกี่ยวข้องอีกหลายกรม ว่าจะเอาโจทย์นี้ของรองนายกรัฐมนตรี ไปตีให้กระจุย เพื่อจะแก้ไขให้ตรงจุดได้อย่างไร
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี