จับเพิ่ม2ขอนแก่นโมเดล
ขังศาลทหาร
เร่งล่าอีก5ที่ยังหลบหนี
ประสานตม.สกัด
ทนายออกโรงค้าน
อ้างบางรายเป็นแพะ
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ
หนึ่งในคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง แอบอ้างสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีขอนแก่นโมเดล โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติมได้อีก 2 คนโดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม( บก.ป.)ดำเนินการแล้ว
เบื้องต้น ยังไม่มั่นใจว่าได้นำผู้ต้องหายื่นฝากขังต่อศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญไปแล้วหรือไม่เนื่องจากเพิ่งมีการส่งมอบตัวในช่วงเย็นวันที่ 27 พฤศจิกายน
เร่งล่าอีก 5 คนที่ยังหลบหนี
พล.ต.ต.ชยพลยังกล่าวว่าส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก5 คนยังอยู่ระหว่างหลบหนี เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับความคืบหน้าคดีหมิ่นเบื้องสูง แอบอ้างสถาบันฯความผิดตามมาตรา112 ที่ศาลทหาร มีการอนุมัติออกหมายจับอดีตนายทหารและอดีตข้าราชการตำรวจ เพิ่มเติมไปเมื่อกลางสัปดาห์นั้นยังไม่มีบุคคลใดติดต่อขอเข้ามอบตัวและพนักงานสอบสวน ยังไม่มีการขอศาลออกหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติม ส่วนสำนวนคดีอีก7สำนวน พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่าง เร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด คาดว่าจะส่งสำนวนคดีทั้ง7สำนวนให้กองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
มีรายงานข่าวแจ้งถึงความคืบหน้า คดีขอนแก่นโมเดลที่มีผู้ต้องหาถูกออกหมายจับทั้งหมด9 คน ล่าสุดจับได้อีก 2คน นำส่งตัวฝากขังศาลทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ยังจับไม่ได้อีก5คนก็จะประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตามจับต่อไปเพื่อเฝ้าระวังช่องทางตามชายแดนทั้งทางถูกกฎหมายและทางธรรมชาติเพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ และยอมรับว่าพอจะทราบพิกัดสถานที่ที่ทั้ง5 คนหลบหนี แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ยันผู้ต้องหาถูกจำคุกไม่มีเอี่ยว
ด้านเวปไซต์ประชาไท อ้างคำสัมภาษณ์ของทนายความรายหนึ่งอ้างเป็นทนายของผู้ต้องหาที่ถูกหมายจับ แต่ข้อเท็จจริงคือผู้ต้องหารายดังกล่าวถูกจับกุมอยู่ในเรือนจำขอนแก่น และจะไปแจ้งความในวันที่ 29 พฤศจิกายน เวลา10.00น.ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)
ชี้กรธ.ยังไม่สรุปสว.เลือกทางอ้อม
นายเธียรชัย ณ นคร กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึง การจัดกลุ่มทางสังคม 20 กลุ่ม เพื่อให้มีการเลือกตั้ง ส.ว.ทางอ้อม กลุ่มละ 10 คนว่ายังไม่ถือว่าเป็นข้อสรุป แนวทางดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอหนึ่ง กรธ.แต่ละคนยังมองไม่ตรงกันจึงต้องหาจุดลงตัวต่อไปว่า จะให้มีกลุ่มทางสังคมกี่กลุ่ม เพื่อให้มีความครอบคลุมประชาชนให้มากที่สุด ส่วนการกำหนดอำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร จะยึดไปตามหลักการเดิมทั้งหมด จะไม่มีการกำหนดโครงสร้างประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้ง2 คนว่าต้องมาจากพรรคเสียงข้างมาก หรือพรรคฝ่ายค้านเหมือนร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา
และคาดว่าสัปดาห์หน้าจะพิจารณาประเด็นที่มาของ ส.ว.จากการเลือกตั้งทางอ้อม และ หมวดรัฐสภา ที่ยังขาดเนื้อหา ในส่วนของการทำงานร่วมกันระหว่าง ส.ส.และ ส.ว.จากนั้นต้องดูว่าอนุกรรมการชุดไหนจะเสนอประเด็นถัดไปเข้าสู่การหารือ ขณะนี้เนื้อหาที่สำคัญที่ยังรอการพิจารณาได้แก่ คณะรัฐมนตรี การทำงานร่วมกันระหว่าง 2 สภา และ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ติงแก้รธน.ปมประชามติให้ชัด
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา37วรรค7เพื่อความชัดเจนในการลงประชามติหรือไม่ นายเธียรชัย กล่าวว่า ถ้าทำให้ชัดเจน ก็จะดีกว่า ขึ้นอยู่กับ รัฐบาล และ สนช.จะเห็นเป็นอย่างไร เชื่อว่า ถ้าผู้มีอำนาจแก้ไข เห็นว่ามันเป็นข้อสงสัยและไม่อยากให้มีการตีความถกเถียงกัน ก็คงจะมีการแก้ไขในที่สุด
ผลโพลปปช.ค้านตัดปาร์ตี้ลิสต์
ขณะที่ กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากทั่วประเทศจำนวน 1,192 คน เรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรกับการเลือก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และ ส.ว.” ซึ่งพบว่าประชาชนร้อยละ 57.9ไม่อยากให้ยกเลิกระบบการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) เพราะระบบนี้ช่วยเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ แต่ไม่ชำนาญการลงพื้นที่หาเสียง สามารถเป็นส.ส.ได้ ขณะที่ร้อยละ31 อยากให้ยกเลิกเพราะไม่ต้องการให้มีนายทุนมาสนับสนุนพรรคการเมือง ส่วนร้อยละ 11.1ไม่แน่ใจ
หนุนให้ ส.ว.มาจากเลือกตั้ง
ส่วนความเห็นเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)พบว่าประชาชนร้อยละ 58.6 เห็นว่าส.ว.ควรมาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด รองมาร้อยละ 25.7 เห็นว่าควรเป็นแบบผสมทั้งจากการสรรหาและการเลือกตั้ง และร้อยละ9เห็นว่าส.ว.ควรมาจากเลือกตั้งทางอ้อมโดยให้แต่ละกลุ่มวิชาชีพเป็นผู้คัดเลือก ร้อยละ3.6เห็นว่าควรมาจากการสรรหาทั้งหมด ร้อยละ3.1ไม่แน่ใจและพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ61.6เห็นว่าการเลือกตั้ง ส.ว.จะช่วยทำให้ได้คนเก่งและคนดีมาทำงานมากกว่าวิธีการสรรหา แต่ร้อยละ24.4 เห็นว่าวิธีการสรรหาเป็นวิธีที่ดีกว่า ที่เหลือร้อยละ14 ยังไม่แน่ใจ
เชียร์ให้องค์กรอิสระถอดถอน
เมื่อถามว่า การถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ควรเป็นหน้าที่ของใครพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 52.0เห็นว่าควรเป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ร้อยละ 35.0 เห็นว่าควรเป็นหน้าที่ของส.ว.เหมือนเดิม และร้อยละ 13 ยังไม่แน่ใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี