“แตกใบอ่อน” ฉบับส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขออนุญาตกล่าวสวัสดีปีใหม่แด่ท่านผู้อ่านทุกท่าน..สิ่งเลวร้าย ไม่ดี ไม่งามใดๆ ที่เกิดขึ้นในปี 2558 ที่ผ่านมาขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดี และตลอดปีใหม่ 2559 ที่มาถึงนี้ ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านประสบแต่ความสุข โชคดี ปราศจากภัยร้ายใดๆ เข้ามาแผ้วพาน
ปี 2559 น่าจะเป็นอีกปีที่เกษตรกรบ้านเราต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบด้านต่างๆ อย่างน้อยก็ 3 เรื่องใหญ่
เรื่องแรกคงหนีไม่พ้น การก้าวเข้าสู่ความเป็น “ประชาคมอาเซียน” อย่างเต็มตัวของประเทศไทยและชาติสมาชิกในอาเซียนทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันว่า ภาคการเกษตรของไทยน่าจะได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะปัญหา
ด้านการแข่งขันของสินค้าเกษตรหลายรายการ เช่น น้ำมันปาล์ม ยางพารา เมล็ดกาแฟ มะพร้าว และข้าว ที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบข้างของเราในอาเซียน ล้วนต่างมีศักยภาพในการผลิตได้ดีไม่แพ้เรา ทำให้เกษตรกรของเราจำเป็นต้องมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานมากขึ้น
เรื่องต่อมา ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบรุนแรงไม่แพ้กัน คือ “วิกฤติภัยแล้ง” ซึ่งส่งสัญญาณระดับเลวร้ายมาตั้งแต่ยังไม่ทันพ้นฤดูฝน จนรัฐบาลต้องออกมาประกาศขอความร่วมมือชาวนางดการปลูกข้าวนาปรัง และขอให้ประชาชนร่วมกันประหยัดน้ำ เนื่องจากน้ำต้นทุนในเขื่อนแห่งต่างๆ โดยเฉพาะ 4 เขื่อนใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณกักเก็บน้ำในระดับที่น้อยมาก ขณะที่บรรดาแม่น้ำลำคลองแห่งต่างๆ ทั่วประเทศ ก็เริ่มแห้งขอดจนมองเห็นสันดอนกลางน้ำกันไปแล้ว
สถานการณ์ดังกล่าว แน่นอนว่า ย่อมส่งผลให้เกษตรกรและชาวนา โดยเฉพาะที่อยู่ในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ต้องประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการเพาะปลูก ผลผลิตตกต่ำ หรืออาจถึงขั้นขาดอาชีพ ขาดรายได้ ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่อาจละเลยได้เลย
อีกเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างมีแนวโน้มจะตกเข้าสู่ภายใต้สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง คือ ปัญหาราคายางพารา ที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางปี 2558 และจนถึงปัจจุบัน นอกจากจะไม่มีท่าทีกระเตื้องขึ้นแล้ว ยังส่ออาการจะเลวร้ายหนักลงกว่าเดิม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังอึมครึม รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาลง ทำให้มีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการจะพากันหันกลับไปพึ่งพา “ยางสังเคราะห์” ที่ได้จากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมมากกว่าการใช้ “ยางธรรมชาติ” ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อปริมาณความต้องการยางในตลาดโลกต้องหดหายไปมากพอสมควร และหนีไม่พ้นต้องไปกระทบกับราคายางพาราให้ต้องไปตกอยู่ในสภาพที่ดิ่งเหวต่อไป
เหล่านี้ คือ “งานหนัก” และเป็นงานระดับเร่งด่วนที่รออยู่ ซึ่งไม่เพียงแต่เกษตรกรเท่านั้น ที่จะต้องเตรียมพร้อมให้ดีสำหรับการรับมือ แต่ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” เองก็ต้องเร่งเครื่องอย่างเต็มที่เพื่อประคับประคองสถานการณ์ ให้เกิดผลกระทบกับเกษตรกรเอาไว้ให้ได้น้อยที่สุด
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี