3 ม.ค.59 นางจินตนา ชัยยวรรณาการ กรรมการผู้ช่วย รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงมาตรการดึงราคายางพาราที่ตกต่ำในช่วงนี้ ว่า แม้เป็นช่วงปิดกรีดเพราะเข้าสู่หน้าแล้งที่น้ำยางออกน้อย แต่ราคายางแผ่นดิบในตลาดยังอยู่ที่ 36 - 37 บาทต่อ กก.ราคาน้ำยางข้น 60% อยู่ที่ 28 บาท ส่วนยางแผ่นส่งออกที่ตลาดกลาง ราคาเอฟโอบี อยู่ที่ 43 บาทต่อ กก.ถือว่ายังตกต่ำต่อเนื่องเข้าปีที่ 3 แล้ว
"จากการประเมินของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ตลอดปี 59 จะมียางออกใหม่ประมาณ 4 ล้านตัน ลดลงจากทุกปี มีปริมาณยางออก 4.3 ล้านตัน โดยมีผู้ปลูกยางรายเล็กในภาคอีสาน และภาคใต้บางส่วน ได้หยุดกรีดไปแล้ว เพราะราคายางไม่คุ้มกับการแบ่งกับคนกรีด โดยนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ให้มีมาตรการดึงยางใหม่ออกจากตลาดให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ช่วงเปิดกรีดยางในเดือน พ.ค.และ มิ.ย.ราคาร่วงมากกว่านี้" นางจินตนา กล่าว
กรรมการผู้ช่วย รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า รมว.เกษตรฯ เตรียมเดินทางไปเจรจากับรัสเซีย เอายางใหม่ไปขาย ช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้ ประมาณ 2.5 แสนตัน และกำลังส่งมอบให้กับบริษัท ชิโนเคม ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน อีก 2 แสนตัน โดยจะส่งมอบภายในเดือน มี.ค.เป็นต้นไปเดือนละ 1.7 หมื่นตัน เป็นเวลา 12 เดือน ได้ตกลงขายในราคาล่วงหน้าเอฟโอบี บวกขึ้นลงเล็กน้อยตามตลาดโลก ซึ่งจะรับซื้อจากสถาบันเกษตรกรต่างๆ ไปส่งออกให้กับสองประเทศนี้เพื่อระบายยางออกจากตลาดให้มากที่สุด
สำหรับการมาตรการแก้ไขภายในประเทศเรื่องยาง เป็นประเด็นที่ว่าที่ผ่านมาเราขายยางที่เป็นวัถตุดิบเพียงอย่างเดียว โดยผู้ซื้อรายใหญ่อย่างประเทศจีน อินเดีย เอาไปทำยางรถยนต์ แต่เมื่อภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ดี รถยนต์ผลิตน้อยลง ซึ่งจีนเป็นผู้บริโภครายใหญ่ มียางในสต็อกจำนวนมาก รวมทั้งนักลงทุนจีนยังไปปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า ทั้ง 4 ประเทศนี้ รวมพื้นที่ปลูกกว่า 12 ล้านไร่ เกือบเท่ากับพื้นที่ปลูกยาง 14 ล้านไร่ ในประเทศไทย
"สิ่งสำคัญ ต้องเร่งหาผู้ลงทุนเพื่อดูดซับยางในประเทศไทยเอง เพราะในประเทศเพื่อบ้านราคาถูกกว่าเรามาก จึงทำให้ส่งออกได้ไม่มาก การดูดซับมาใช้ ซึ่งมีการเสนอกันมาก ให้นำน้ำยางมาผสมถนน แต่คุณสมบัติของน้ำยาง สู้ยางมะตอยไม่ได้ที่มีความแข็งตัวดีกว่า เพราะยางมีความนิ่มและนืด เอามาผสมทำถนนได้เพียงส่วนน้อย รวมทั้งปัจจัยกระทบราคายางมากที่สุดคือราคาน้ำมันต่ำมากสุด 40 - 50 เหรียญต่อบาเรล ทำให้ไปใช้ยางสังเคาระห์ทดแทนยางพารากันหมดเพราะมีราคาถูกมาก ดังนั้นราคายางแผ่นปีนี้มีแนวโน้มนิ่งๆ อยู่ระดับ 40 กว่าบาท ไม่ขึ้นไปถึง 50 - 60 บาทอย่างแน่นอน" นางจินตนา กล่าว
ในขณะนี้ได้มีปัญหากลับมาจากจีน ที่ต้องการซื้อยางอัดแท้งติดยี่ห้อของบริษัท 5 เสือ เพื่อเป็นการันตีคุณภาพ จึงได้แก้ปัญหาให้สถาบันเกษตรกร ไปจ้างบริษัท 5 เสือ ทำยางอัดแท่งติดยี่ห้อ ของบริษัท 90% และอีก 10% ติดยี่ห้อของสถาบันเกษตรกร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นอนาคตที่อาจมียีห้อติดตลาด ที่เกษตรกรสามารถร่วมกลุ่มกันผลิตได้เอง เพราะเกษตรกรได้โอกาสฝึกหัดพัฒนาสินค้าตัวเอง ไม่ใช่ผลิตแต่ยางแผ่นชั่วนาตาปี
"แม้ว่าระบายยางได้ ราคาจะปรับขึ้นไม่มาก เพราะปีนี้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น จะพรวดขึ้นไป 60 - 70 บาท เป็นไม่ได้เลย เพราะประเทศเพื่อนบ้านเราปลูกกันเยอะมาก แต่พยากรณ์ไว้ว่า ปี 60 - 61 ราคาน่าจะดีขึ้น จากสัญญานเศรษฐกิจโลก รัฐบาลได้ช่วยรายได้ได้ไร่ละ 1,500 บาท เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ส่วนนโยบายหลักให้เกษตรกรอาชีพอื่นๆ ด้วยทำเกษตรผสมผสาน เพื่อดึงรายได้เกษตรกรดีขึ้น ไม่หวังแต่ปลูกยาง ปลูกข้าว เท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่รวย จะมีรายได้จากทางอื่นมาช่วยให้อยู่ได้ " กรรมการผู้ช่วย รมว.เกษตรฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี