“ยาสูบ” นับเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยังคงเป็นหลักประกันสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ ซึ่งมีจำนวนกว่า 45,000 ครัวเรือน ทั่วประเทศ และยาสูบยังเป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมที่นำส่งรายได้ภาษีสรรพสามิตยาสูบ กว่า 62,734 ล้านบาท เข้าประเทศในปีงบประมาณ 2558 ซึ่งภาคอีสาน นับเป็นพื้นที่เพาะปลูกยาสูบพันธุ์โอเรียนทอล หรือ เตอร์กิช ซึ่งเป็นใบยาที่เป็นที่ต้องการในตลาดโลก จากข้อมูลของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ในพื้นที่ภาคอีสานมีผลผลิตใบยาสูบในระหว่างปี 2557-2558 อยู่ที่กว่า 10.8 ล้านกิโลกรัม โดยประมาณ ในขณะที่ผลผลิตใบยาสูบของชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศในปี 2557-2558 อยู่ที่กว่า 50 ล้านกิโลกรัม
รูปแบบการปลูกยาสูบของเกษตรกรในภาคอีสาน จะปลูกในลักษณะพืชหลังนา เสริมรายได้ ที่สำคัญยังเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย และสามารถสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี เช่นคุณตะวัน ชนะเคน อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 10 ตำบลเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม โดยใช้พื้นที่นา จำนวน 5 ไร่ จากที่มีอยู่ทั้งหมด 30 ไร่ มาปลูกยาสูบเป็นรายได้เสริม คุณตะวัน บอกว่า เนื่องจากสภาพแวดล้อมบ้านเราต้องอาศัยน้ำฝนในการทำนา ในปีหนึ่งๆ จึงทำนาได้ครั้งเดียว โดยปลูกข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียว เมื่อหมดหน้านา เกษตรกรที่นี่ก็จะปลูกยาสูบกัน โดยส่วนตัวก็ทำมานานกว่า 20 ปีแล้ว ในการปลูกใบยาสูบนั้นมีการจัดการดูแลแปลงปลูก ยาสูบตั้งแต่การเริ่มเพาะกล้า จนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ยาสูบที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด ตามคำแนะนำของ บริษัท อดัมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้รับซื้อและส่งออกใบยาสูบ ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลา กว่า 46 ปี ซึ่งปัจจุบันการทำไร่ยาสูบสามารถสร้างรายได้เสริมจากการทำนาได้เป็นอย่างดี โดยในรอบที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 130,000 บาท จากการใช้พื้นที่ปลูก 5 ไร่ โดยมีแรงงานในครอบครัว 5 คนช่วยกันทำ จึงช่วยให้ขณะนี้ทั้งตนและคนอื่นๆ ในหมู่บ้านไม่ต้องจากบ้านไปทำงานที่อื่น พอหมดหน้านาก็ปลูกยาสูบกัน เพราะมีรายได้อยู่ได้อย่างสบาย
ทั้งนี้ การดำเนินการส่งเสริมการปลูกยาสูบเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มากด้วยคุณภาพนั้น ทางบริษัทผู้เกี่ยวข้องได้พยายามในการยกระดับการประกอบอาชีพของเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการนำหลักปฏิบัติที่ดีด้านแรงงานเกษตร (Agricultural Labor Practices-ALP) มาส่งเสริมให้กับเกษตรกรชาวไร่ยาสูบในพื้นที่ส่งเสริมได้ปฏิบัติ ซึ่ง คุณพงศธร อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการแผนกบรรษัทสัมพันธ์ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบและผู้รับซื้อใบยาสูบจากประเทศไทยเพื่อการส่งออก กล่าวว่า ชาวไร่ยาสูบถือเป็นหัวใจสำคัญของฟิลลิป มอร์ริส บริษัทมีการรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 โดยมูลค่าการรับซื้อใบยาสูบของเราในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา (2553-2557) รวมอยู่ที่ประมาณ 4.33 พันล้านบาท และในปี 2558 อยู่ที่ 773 ล้านบาทโดยประมาณ ซึ่งเราได้ให้ความสำคัญเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของชาวไร่ยาสูบเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องการสร้างความยั่งยืนในระยะยาวของเราอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเอาหลักปฏิบัติที่ดีด้านแรงงานเกษตร (Agricultural Labor Practices-ALP) มาใช้ตั้งแต่ปี 2552 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมพัฒนาสภาพการทำงานในไร่ และความเป็นอยู่ของชาวไร่ยาสูบ ครอบครัว และแรงงานในไร่ กว่า 30 ประเทศทั่วโลกที่บริษัทฯ รับซื้อใบยา โดยหลักปฏิบัติ ALP นี้ พัฒนาขึ้นโดยมีความสอดคล้องกับปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐาน ในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศด้วย สำหรับประเทศไทย โครงการ ALP ได้ริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2555 โดยครอบคลุมการทำงานในไร่ยาสูบหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันปัญหาการใช้แรงงานเด็กและการบังคับใช้แรงงาน รวมถึงการสร้างความปลอดภัยในการทำงานในไร่ยาสูบ เรามีการทำงานร่วมกับบริษัทผู้จัดหาใบยาในชุมชนท้องถิ่น และจัดกิจกรรมส่งเสริมการรับรู้ในหลักปฏิบัติด้านแรงงานให้กับชาวไร่ยาสูบ เพื่อให้มั่นใจว่านอกเหนือจากคุณภาพของใบยาสูบที่ดีแล้ว ใบยาที่เราจัดหามานั้นจะต้องมาจากแหล่งแรงงานที่ทำงานด้วยความปลอดภัยและยุติธรรม
“ปัญหาการใช้แรงงานที่ไม่ถูกต้องในภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม เป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอย่างจริงจัง ซึ่งหลัก ALP ที่เรานำมาใช้ในประเทศไทยเป็นความพยายามอีกด้านหนึ่งของเรา ที่จะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนนี้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพราะเราเล็งเห็นว่า จะเป็นประโยชน์สำคัญในการช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับอาชีพชาวไร่ยาสูบของไทย” คุณพงศธร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี