ควันหลงจากเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา เชื่อว่า หลายท่านคงได้เห็นภาพแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เต็มไปด้วยเศษซากของขยะที่ถูกทิ้งอยู่เกลื่อนพื้นเต็มไปหมด จนแทบไม่เหลือเค้าความงามให้เห็น
โดยเฉพาะที่ “ภูเรือ” ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องตามไปไล่เก็บขยะกลับมาได้ถึง 15 ตัน!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะครับ เพราะภาพมันฟ้องให้เห็นอยู่เต็มสองตา
ย้อนหลังไปสักปีเศษๆ หลัง “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” (คสช.) ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ หลายคนคงจำได้ว่า คสช. ค่อนข้างให้ความสำคัญมากกับปัญหา “ขยะล้นเมือง” และถือเป็นเรื่องในระดับนโยบายเรื่องแรกๆ ที่ถูก คสช. หยิบมาดำเนินการ จนขั้นประกาศ “วาระแห่งชาติ” เรื่องการจัดการปัญหาขยะและของเสียอันตรายออกมา พร้อมกับคลอด “โรดแมป” 4 ข้อ เพื่อขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย
1.เร่งการจัดการขยะมูลฝอยสะสมในสถานที่กำจัดขยะพื้นที่วิกฤติ 2.ให้มีรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อจัดการกับขยะที่เข้ามาใหม่ โดยเน้นการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางและแปรรูปพลังงานจากขยะ 3.จัดระเบียบมาตรการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และ 4.สร้างวินัยคนในชาติมุ่งสู่การจัดการที่ยั่งยืน
เวลานั้น ถ้ายังจำกันได้จะเห็นว่ามีหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ “กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” และ “กระทรวงมหาดไทย” พากันออกมาเคลื่อนไหวดำเนินการกันอย่างคึกคักครึกโครม
มีการจัดกิจกรรม โครงการ รวมถึงอีเว้นท์ และเคมเปญรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ 1 จังหวัด 1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้นแบบเมืองสะอาดคนในชาติมีสุข โครงการประกวดโรงเรียนปลอดขยะ “Zero Waste School”
หรือแม้กระทั่งโครงการรณรงค์ “งดใช้ถุงพลาสติก” ทุกวันที่ 15 ของเดือน ก็เป็นหนึ่งในโครงการเสริมสร้างวินัยคนในชาติในการจัดการปัญหาขยะ ซึ่งอยู่ภายใต้ “โรดแมป” ดังกล่าวของรัฐบาล และถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะแค่ไม่กี่เดือนนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2558 ปรากฏว่า ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ ที่ร่วมโครงการสามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้หลายสิบล้านใบ ซึ่งถือเป็นโครงการที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง เพราะสามารถช่วยลดขยะได้นับสิบล้านชิ้นภายในเวลาไม่กี่อึดใจ
แต่แล้วเมื่อเกิดภาพขยะที่ถูกทิ้งกลาดเกลื่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดังที่ปรากฏออกมา ก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา เราได้จัดการปัญหาขยะกันสำเร็จแล้วจริงหรือไม่
และรัฐบาลได้มีการติดตามผลดำเนินงาน “วาระแห่งชาติ” ฉบับนี้มากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะแนวทางการสร้างจิตสำนึกและ “วินัย” ให้กับคนไทยในการทิ้งขยะ
โดยส่วนตัวของผมค่อนข้างมีความโน้มเอียงเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่เกิดจาก “ความมักง่าย” ส่วนบุคคลเป็นหลัก เพราะถ้า “กินแล้วเก็บ” ช่วยกันหิ้วออกมาทิ้งข้างนอก ช่วยกันทำคนละไม้คนละมือ ก็ไม่มีทางที่จะเกิดปัญหาดังภาพที่ออกมาได้
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ถ้ารัฐบาลจะลองใช้ “ไม้แข็ง” และความเด็ดขาดมาจัดการกับคนทิ้งขยะไม่เลือกที่ดูบ้าง บางทีมันก็อาจจะช่วยทำให้คนมีวินัยขึ้นมาได้บ้าง เพราะในเมื่อขอร้องกันดีๆก็แล้ว พูดกันดีๆก็แล้ว แต่ก็ยังมักง่ายกันแบบนี้ มันก็ต้องงัดยาแรงมาจัดการ
“วาระแห่งชาติ” ต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรมครับ ไม่ใช่ปล่อยให้อยู่แค่บนกระดาษ ถ้าคิดจะทำแล้วไม่เด็ดขาด ก็อย่าประกาศให้เสียความรู้สึกกันเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี