เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ปีที่แล้ว พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ 1114/2558 เรื่องแต่งตั้งกรรมการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แบบเบ็ดเสร็จ หรือที่เรียกในภาษาทหารว่า single command ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับผู้คนไม่เฉพาะในกระทรวงเกษตรฯ เท่านั้น สื่อมวลชนหลายคนก็งงงันไปด้วยไม่น้อย
คำสั่งฉบับนี้ดูเหมือนจะดี ที่มอบให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งในระดับซี 9 เดิม หรือปัจจุบันเป็นอำนวยการระดับสูงของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานกรรมการ หรือหัวหน้าทีมของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทั้งหมดที่อยู่ในจังหวัดนั้น โดยไม่เกี่ยงว่าซี 9 ผู้นั้นจะเป็นข้าราชการสังกัดกรมใดในกระทรวงเกษตรฯ หัวหน้าทีมที่ว่านี้จะมีอำนาจสั่งการให้ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ที่อยู่ในจังหวัดนั้นทั้งหมดปฏิบัติงานแบบบูรณาการเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล หรือของกระทรวงเกษตรฯ ให้เดินหน้าไปได้ และให้ประสบผลสำเร็จ
แต่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งอำนวยการระดับสูงในแต่ละจังหวัดนั้น ไม่ได้มาจากกรมเดียวกันทั้งหมด คำสั่งฉบับนี้จึงต้องแบ่งจังหวัดต่างๆ ออกเป็น กลุ่มๆ รวม 5 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 มี 36 จังหวัด มี เกษตรและสหกรณ์จังหวัด สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง เป็นหัวหน้าทีม (ในคำสั่งเรียกว่า “ประธานกรรมการ”) กลุ่มที่ 2 มี 16 จังหวัดมีเกษตรจังหวัด สังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหัวหน้าทีม กลุ่มที่ 3 มี 10 จังหวัด มีปศุสัตว์จังหวัด สังกัดกรมปศุสัตว์ เป็นหัวหน้าทีม กลุ่มที่ 4 มี 8 จังหวัด มีสหกรณ์จังหวัด สังกัดกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นหัวหน้าทีม และกลุ่มสุดท้าย มี 7 จังหวัด มีประมงจังหวัด สังกัดกรมประมง เป็นหัวหน้าทีม
หัวหน้าทีม หรือประธานกรรมการ ที่ว่านี้ มีอำนาจหน้าที่ กำกับดูแล ประสานให้หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ในจังหวัดนั้นๆ ทุกหน่วยงาน ภาคเอกชน และประชาชน ที่เกี่ยวข้องช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายให้บังเกิดผล ต้องบริหารจัดการ แผนงาน โครงการเพื่อการขับเคลื่อนนโยบาย โดยการบูรณาการ งบประมาณ และทรัพยากรของทุกหน่วยงานที่มีอยู่ในจังหวัดนั้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้หัวหน้าทีม หรือ ประธานกรรมการนี้ ยังต้องเป็นผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ ในจังหวัดนั้นๆ เป็นผู้เสนอความดีความชอบ การเลื่อนขั้นเงินเดือนให้กับหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ที่อยู่ในจังหวัดนั้น ด้วย เพราะหัวหน้าส่วนราชการอื่นเหล่านั้นมีหน้าที่ที่จะต้องให้ความร่วมมือ และช่วยเหลือในการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งมีข่าวว่าจะมีการประกวดผลงานของจังหวัดต่างๆ กันด้วย
จากคำสั่งฉบับนี้ ทำให้ต้องยกเลิกคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อปี 2550 สมัยนายธีระ สูตะบุตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งได้มอบหมายอำนาจหน้าที่ให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดปฏิบัติราชการและมีอำนาจหน้าที่ไม่ต่างจาก single command นี้สักเท่าไร แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดไม่สามารถทำหน้าที่ตามที่กระทรวงให้อำนาจได้ เพราะแต่ละหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ที่อยู่ในจังหวัดก็ถือว่าเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงเกษตรฯ เหมือนๆ กับหน่วยงานของตน จะมาสั่งการให้ทำอะไรได้นักหนา
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งเกษตรและสหกรณ์จังหวัด สมัยอดีต ก็เป็นตำแหน่งหนึ่งที่นักการเมือง และผู้บริหารของกระทรวง ใช้เป็นเครื่องมือชุบตัวของเด็กในคอนโทรล หรือคนใกล้ชิด ทำงานดีหรือไม่ไม่รู้ อยู่หน่วยงานไหนก็ไม่เกี่ยง แต่สามารถส่งไปลงตำแหน่งเพื่อปรับระดับให้สูงขึ้นได้ทันใจ แถมยังมีจังหวัดให้เลือกได้ด้วย ขณะเดียวกัน เกษตรและสหกรณ์จังหวัด ก็ยังเป็นตำแหน่งที่สามารถทำให้ตำแหน่งอื่นที่คนของนักการเมือง หรือผู้บริหารต้องการ ว่างลงได้โดยการโยกคนที่ครองตำแหน่งนั้น ไปเป็นเกษตรและสหกรณ์จังหวัด แล้วแต่งตั้งคนของตนมาดำรงตำแหน่งนั้นแทน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดจึงเป็นตำแหน่งที่บางส่วนนำมาใช้เพื่อการหมุนเวียนโดยเฉพาะ
มาถึงยุคนี้ และจากคำสั่ง single command ฉบับนี้ ทำให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัด 41 จังหวัด กลายมาเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติตาม
คำสั่งหัวหน้าส่วนราชการอื่นของกระทรวงเกษตรฯ ในจังหวัดนั้นๆ แม้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียหน้า หรือเสียศักดิ์ศรีอะไร เพราะยุคนี้ถือเอาเรื่องงานเป็นหลักก็ตาม แต่คำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 ฉบับนี้ ก็สะท้อนอะไรบางอย่างให้เห็น
ที่ชัดๆ คือ การปรับโครงสร้างหน่วยงานที่ไม่ได้เกิดจากหน้าที่และภารกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างสำคัญและชัดเจน เพียงแต่อยากให้มีตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้คนของตน การเติบโต และความสำคัญของตำแหน่งนั้น คงเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น และไม่ยั่งยืน
คนที่เริ่มต้นไว้.......รู้ยังว่ามันเจ็บปวดสำหรับคนที่ตั้งใจทำงาน แต่คนที่ได้ตำแหน่งนี้มาง่ายๆ คงไม่รู้สึกรู้สา.....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี