เริ่มกันแล้วในการเข้ารับซื้อแทรกแซงราคายางพารา จากเกษตรกรโดยตรง หลังจากเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา
ใช้เงินดำเนินการในส่วนของการบริหารจัดการของการยางแห่งประเทศ ไทย หรือ กยท. ในเบื้องแรกกว่า 500 ล้านบาท แม้วันแรกจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเพราะเกษตรกรยังรอดูท่าที ไม่ค่อยเชื่อภาครัฐ จะจริงใจขนาดไหน ทำให้วันแรกของการรับซื้อยางพารา ในโครงการแทรกแซงราคายาง 1 แสนตัน ยังมีเกษตรกรเอายางไปขายในจุดต่างๆ ค่อนข้างน้อย กว่าที่คาดกันไว้ ซึ่งว่ากันว่าไม่ถึง 60 ตัน
นั่นอาจไม่ใช่เพราะเกษตรกรไม่มั่นใจอย่างเดียว แต่อาจเกิดจากเรื่องการเปิดจุดแทรกแซง ไม่ครอบคลุม ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา กระทรวงเกษตรฯ โดย “พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ” รมว.เกษตรฯ ก็ได้สั่งการให้ตรวจสอบ และประเมินสถานการณ์และปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมในพื้นที่ เพื่อเปิดทางและเอื้อไม่ให้เกิดปัญหาราคายาง ได้นำยางพารามาขายในราคานำที่ภาครัฐมีการรับซื้ออยู่ที่ราคายางแผ่นรมควัน 45 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยางที่ราคา 42 บาท และยางก้นถ้วย 41 บาท เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ท่านรัฐมนตรีเกษตรฯ “ฉัตรชัย” ย้ำให้“ปลัดฝน” “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ” กำชับให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ เข้าติตามการซื้อยางพาราในพื้นที่อย่างเข้มข้น พร้อมประสานงาน ทั้งป.ป.ช. และ สตง. ในพื้นที่เข้าสังเกตการณ์ หากพบว่าผิดสังเกต ส่อว่า มีเรื่องไม่ดี แจ้งทันทีพร้อมปรับเปลี่ยน
และที่สำคัญไปกว่านั้น เพื่อให้ครอบคลุมถึงมือเกษตรกรมากขึ้น บอร์ด กยท.ชุดใหม่ ยังอนุมัติเงินบริหารงานอีกกว่า 2,000บาท เข้ารับซื้อแทรกแซง ราคายางเพิ่มอีก คราวนี้จะครอบคลุมถึงมือเกษตรกร และช่วยเกษตรกรถึงแก่นหรือไม่ ก็คงต้องช่วยกันติดตามกันให้ดี หากพบว่า มีปัญหางานนี้ก็คงต้องช่วยกันคิดช่วยกันแก้ แม้แต่ตัวเกษตรกร และแกนนำ (ของจริง) คงต้องช่วยกันสอดส่อง หากเห็นว่ามีอะไรผิดปกติ คงต้องรีบแจ้งมายังกระทรวงเกษตรฯ ให้ทันท่วงที เพราะงานนี้ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” และ ปลัดฝนบอกว่า เอาจริงกับเรื่องการแก้ปัญหาราคายางพารา จะไม่ให้ซ้ำรอยเก่าที่มีการทำมาอย่างแน่นอน มั่นใจอย่างนี้ ต้องเอาใจช่วย จริงๆ
มาถึงวันนี้ ขบวนการแก้ปัญหาราคายางพาราของไทยต้องวางแผนการรับมือให้จริงจัง เพราะมาตรการแทรกแซงราคายางพาราของรัฐบาลที่ว่ามาให้โฆษณาดีอย่างไร ในความเป็นจริง สิ่งที่ต้องเผชิญอีกยาวไกล คือความเป็นจริง นั้นคือ
ณ เวลานี้ มีการปลูกยางในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ว่ากันว่า ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งประเทศพม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา เอาเป็นว่า แค่ยางพาราที่ปลูกใกล้ประเทศไทย ที่ติดตามแนวชาวแดน หากจะยอมรับความเป็นจริงมากกว่า ผลผลิตรวมในประเทศ ไทยเสียอีก แต่โชคดีที่ว่าผลผลิตยังต่ำ และขบวนการจัดการ รวมถึงการขนส่งยังด้อยกว่าไทย แต่อนาคตไม่แน่ หากบริหารจัดการดีเมื่อไหร่ และไม่วางแผนรับมือ ถึงคราวซวย เกษตรกรไทยผู้ปลูกยางแน่นอน คิดกันเองว่าจะเป็นอย่างไร
ที่สำคัญไปกว่านั้น วันนี้ปัญหาราคายางของไทยหากยอมรับความจริงใครก็รู้ว่า เกิดจากการบริหารจัดการที่มีขบวนการรับดับผู้บริหาร บางคนบางกลุ่มในกระทรวงเกษตรฯ มีความเชื่อมโยง กับกลุ่มอิทธิพล พ่อค้ายาง ทั้งในและต่างประเทศ หากินบนน้ำตาเกษตรกร จึงทำให้ขบวนการแก้ปัญหายางยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะทุกอย่างเกิดจากสนิมเนื้อใน ถึงวันนี้หากผู้มีอำนาจยังแกะยังแก้ไม่ออกว่าใครของจริงของปลอม มีความเชื่อมโยงอย่างไร และยังปล่อยให้ขบวนการที่ว่าหากินต่อไป คิดว่าสติปัญญาอย่างท่านๆ คงเดาออกว่า เกษตรกรชาวสวนยางของไทยจะเดินหน้าอย่างไร วันนี้คงต้องพึ่งท่านๆจริงๆ ในการแก้ปัญหาสนิมเนื้อใน เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาเกษตรกรไทยทั้งระบบ
หมิงเทียน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี