31 ม.ค. 59 นายเชาว์ ทรงอาวุธ ผู้ปฎิบัติหน้าที่ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยถึงปัญหาอุปสรรคในโครงการรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรโดยตรง 1 แสนตันว่า ประเด็นสำคัญที่สุดคือเกษตรกรยังผลิตยางไม่ได้คุณภาพตามเกณฑ์การรับซื้อ ทั้งยางแผ่นดิบ ยางก้อนถ้วย ไม่มีคุณภาพตามกำหนดเมื่อนำมาขาย จึงขายไม่ได้ตามสิทธิที่ให้ไว้ไร่ละ 10 กก.ไม่เกิน 150 กก.ต่อราย อีกทั้งการตั้งจุดรับซื้อยังกระจายไม่ทั่วถึง และเกษตรกรต้องการเป็นเงินสด
"อุปสรรคทั้งหมดจะนำเข้าคณะกรรมการบริหารโครงการ ในวันที่ 1 ม.ค.เพื่อแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการจ่ายเงินล่าช้า จะแก้ไขโดยโอนสิทธิให้สถาบันเกษตรกร นำเงินสดไปจ่ายเกษตรกรโดยตรง ซี่งเกษตรรกรจะไม่ต้องเสียเวลาไปเบิกจาก ธกส.อีก และจำนวนเงินน้อย เรื่องนี้ต้องผ่านการเห็นขอบจากบอร์ด กยท.ด้วย" นายเชาว์ กล่าว
ผู้ปฎิบัติหน้าที่ผู้ว่า กยท.กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารโครงการ จะมาพิจารณาปัญหาทั้งหมดที่มีการเปิดจุดรับซื้อมา 1 สัปดาห์ เพื่อมาวางระบที่ชัดเจน ซึ่งสามารถแก้ได้ทันเพราะระยะเวลาเปิดจุดรับซื้อถึง 30 มิ.ย. และในขณะนี้ได้สั่งให้เพิ่มจุดรับซื้อ ในพื้นที่ยังพบว่ามีปัญหาไม่กระจาย ไม่ทั่วถึงเกษตรกรรายย่อยที่ต้องการขายน้ำยางสด ต้องมาปรับแก้วิธีการทำงานเพราะในทางปฎิบัติยากที่จะซื้อจากเกษตรกรโดยตรง โดยจะต้องซื้อผ่านสถาบันเกษตรกร ซึ่งตนได้ทำความเข้าใจกับสถาบันเกษตรกร กว่า40 แห่งภาคใต้ พร้อมเข้าร่วมดำเนินการ กยท.จะจ่ายเป็นค่าแปรรูปน้ำยางสด เป็นยางแผ่นรมควันกิโลกรัมละ 4.50 บาท ซึ่งเบื้องต้นสถาบันเกษตรกรมองว่าให้ค่าใช้จ่ายยังน้อยไป เพราะมีทั้งค่าแรงงาน ค่าสารเคมี ค่าไฟฟ้า ค่าฟืน ทาง กยท.ได้ขอผ่อนผันช่วยให้ช่วยเกษตรกรที่เป็นสมาชิก หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วในสัปดาห์หน้าจะเปิดรับซื้อได้ปริมาณเพิ่มขึ้น
"ในเบื้องต้นทางสถาบันเกษตรกรยังไม่เข้าใจรายละเอีดยของโครงการที่ให้ช่วยรับซื้อจากเกษตรกรไร่ละ 10 กก. ซึ่งสมาชิกจะได้กำไร 6 บาทกว่าต่อ กก.เมื่อรวมค่าแปรรูปอีก 4.50 บาทต่อ กก.จะได้อยู่ 10 กว่าบาท ทำให้สถาบันเกษตรกรไม่ขาดทุนสามารถดำเนินการไปได้ เมื่อชี้แจงกันเข้าใจ แล้วจะมีสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศเข้ามาร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้นในส่วนน้ำยางสดรับซื้อราคา 42 บาท เพราะราคาตลาด ยังอยู่ที่ 35-36 บาท ทั้งนี้ได้นำเสนอ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ขอวงเงินเพิ่มในส่วนงบประมาณแผ่นดินต่อ ครม.ในกรอบที่เราขอเงินทั้งหมด 5 พันกว่าล้าน ซึ่งเราขอในส่วนงบประมาณ ครม.พร้อมสนับสนุนโครงการนี้" นายเชาว์ กล่าว
สำหรับปริมาณรับซื้อยางในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ประมาณ 500 ตัน ซึ่งยังไม่มาก ส่วนจะได้ผลเชิงบวกต่อราคายางต่อไปหรือไม่ วันนี้ยังตอบไม่ชัด เพราะราคายางมีปัจจัยภายนอกเรื่องราคาน้ำมันเป็นตัวแปร ซึ่งไม่ใช่ทำโครงการรับซื้ออย่างเดียวจะได้ผล แต่ก็เป็นปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ราคายางในตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นบ้าง
"ในขณะนี้ เปิดจุดรับซื้อ 241 จุด ยังไม่ทั่วถึง รวมถึงสถาบันเกษตรกรไม่มีความพร้อม ซึ่งก็ได้ทยอยเปิดเพิ่มเรื่อยๆ คาดว่าฤดูกรีดหน้าเดือน พ.ค.ภาพรวมการซื้อยางจะดีขึ้นกว่านี้ และปัญหาสำคัญส่วนหนึ่งตัวเกษตรทำคุณภาพยางไม่ได้ จึงซื้อได้น้อย ต้องมาปรับวิธีการ ทำความเข้าใน และประเด็นสำคัญเอาคนมีสิทธิมาขายก่อน ส่วนการแนะนำไปปรับปรุงคุณภาพต้องใช้เวลา และในกรณีการจ่ายเงินสร้างความเข้มแข็งให้ชาวสวนยางไร่ละ 1,500 บาท กำลังเร่งรัดอย่างมาก เจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้หลับนอนทั้งเสาร์ อาทิตย์ อยากให้สื่อมาดูเพราะต้องตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนจากกรมส่งเสริมการเกษตร อย่างรอบครอบมีการขึ้นทะเบียนไม่ตรงกัน เปลี่ยนคนเปลี่ยนพื้นที่ จำนวนมากทำให้การจ่ายเงินล่าช้าไป ยังตอบไม่ได้จะเสร็จเมื่อไหร่ จากที่ รมว.เกษตรฯ กำหนดให้แล้วเสร็จเดือน ม.ค." นายเชาว์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี