2 ก.พ.59 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาคำสั่งของ นายนภดล บุญศร อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ในคดีพิเศษที่ 146/2556 (คดีสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด) โดยมี พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ เข้าร่วมการประชุมด้วย
โดยมีประเด็นสำคัญในการพิจารณาฐานความผิดของกลุ่มผู้รับเช็คจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด ประกอบด้วย กลุ่มวัดพระธรรมกาย , กลุ่มบริษัท เอส ดับบลิวโฮลดิ้ง จำกัด , กลุ่มสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี , กลุ่มสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนรัฐประชา , นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ และกลุ่มญาติธรรม
ทั้งนี้ เป็นการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานอัยการเกี่ยวกับการคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เนื่องจากทางอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาคดีดังกล่าวที่ดีเอสไอส่งสำนวนสอบเพิ่มเติมไปให้พิจารณา เมื่อวันที่ 13 พ.ย.58
ภายหลังการประชุม พ.ต.ท.สมบูรณ์ แถลงผลสรุปว่า ประเด็นแรกทางพนักงานอัยการให้ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์กับนายศุภชัย , น.ส.ศรัณยา มานหมัด , นายลภัส โสมคำ และนายกฤษฎา มีบุญมาก ซึ่งทางสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลทั้ง 4 คน นอกจากนี้ พนักงานอัยการได้ให้คำแนะนำในการดำเนินคดีกับคนอื่นๆ อีก เช่น นายจิรเดช วรเพียรกุล และนายวัฒน์ชานนท์ ในข้อหาความผิดฐานรับของโจรหรือฟอกเงินด้วย รวมทั้งนายศุภชัย และผู้ที่รับเช็คอื่นๆ นอกจากนี้ ให้สอบสวนเพิ่มเติมกรณี นางทองพิน กันล้อม และบุคคลอื่น ได้ร่วมลงลายมือชื่อกับนายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ฯ
นอกจากนั้น ทางพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ มีการตรวจพบทรัพย์สินของนายศุภชัยเพิ่มเติมอีก จำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1.นายสุวิช ฤทธิศร ที่เป็นผู้ลงชื่อรับเช็คของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 168 ล้านบาทเศษ พบทรัพย์สินในชื่อภรรยา เป็นรีสอร์ทและที่ดิน 3 ไร่ ใน อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี มีมูลค่า 20 ล้านบาท 2.ที่ดินที่ ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 1,984 ไร่ ในชื่อ นางบุญชอบ บุญจันทึก รับเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 367 ล้านบาท และ 3.วัดปัจฉิมทัศน์ ที่ จ.มหาสารคาม เนื้อที่ 3 ไร่เศษ มูลค่า 23 ล้านบาท ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการอายัดทรัพย์เพิ่มเติม
ขณะที่ พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า สำหรับความผิดฐานรับของโจรหรือความผิดฟอกเงินนั้น สำหรับผู้รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 787 ฉบับ แบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มบุคคลที่มีมูลหนี้ 2.กลุ่มวัดพระธรรมกาย 3.กลุ่มสหกรณ์อื่นๆ 4.กลุ่มผู้ต้องหาและกลุ่มที่อยู่ในเครือข่ายเป็นผู้ต้องหา 5.กลุ่มบุคคลธรรมดาที่รับเช็ค 6.กลุ่มนายหน้าค้าที่ดิน และ 7.กลุ่มนิติบุคคลที่ไม่มีมูลหนี้
โดยที่ประชุมพิจารณาร่วมกันแล้วว่า จะดำเนินคดีข้อหาเกี่ยวกับความผิดการฟอกเงินสำหรับกลุ่มบุคคล และบุคคลที่ไม่ได้มีมูลหนี้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งอาจได้แก่กลุ่มวัดพระธรรมกาย กลุ่มผู้ต้องหาที่อยู่ในเครือข่ายบุคคลธรรมดาที่ได้รับเช็คจากสหกรณ์ฯ โดยไม่มีมูลหนี้นั้น ดีเอสไอจะพิจารณาสอบสวนหาความจริงต่อไปเพื่อดำเนินการตามที่ทางอัยการได้สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม
สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินความผิดเพิ่มเติมในข้อหารับของโจรนั้น จะมีกลุ่มผู้ต้องหาคดีอาญาเดิม และกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับวัดพระธรรมกาย อย่างไรก็ตาม หากผู้ต้องหาในกลุ่มนี้มีจำนวนมาก อาจต้องพิจารณาสั่งฟ้องเพิ่มเติมอีก 1คดี
พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับวงเงินที่กลุ่มบุคคล และกลุ่มนิติบุคคลใน 7 กลุ่ม ที่มีความผิดฐานรับของโจรหรือความผิดฟอกเงินนั้น รับเช็คจากสหกรณ์รวมเป็นเงินราว 7,000 - 8,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงกลุ่มวัดพระธรรมกาย และเครือข่ายที่มีการรับบริจาคโดยไม่มีมูลหนี้ รวมกว่า 2,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินบริจาคให้วัดผ่านบัญชี พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย จำนวนประมาณ 800 ล้านบาท และพระรูปอื่นในเครือข่ายวัดธรรมกาย ประมาณ 20 รูป ที่ได้รับเช็คจากนายศุภชัย อีกรวมประมาณ 1,200 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี