ดีเอสไอข้องใจฝีมือ‘ไอ้โม่ง’
บงการเขมร
สั่งยำจนท.จับละเมิดลิขสิทธิ์
‘บิ๊กต๊อก’จิกผู้ว่าฯ-ตำรวจ-ทหาร
ขู่จัดการเด็ดขาดถ้าแก้กันไม่ได้
ประเดิมจับ2กัมพูชาเจอคุกทันที
ความคืบหน้ากรณีพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาในตลาดโรงเกลือนับร้อยคน บุกล้อมกรอบเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ที่นำกำลังบุกเข้าไปจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว และมีการชิงตัวผู้กระทำผิดและทำร้ายเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายรายเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกแถลงการณ์เอกสารข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าว มีเนื้อหาโดยสรุปย้ำว่า หลังกรมแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีแรงงานต่างชาติเข้าขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ของดีเอสไอ มีผู้ไม่หวังดี บิดเบือนข้อมูลและนำไปเผยแพร่บนเฟซบุ๊ค กล่าวหาเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต ไม่ประสานหน่วยงานพื้นที่ก่อน ซึ่งกรมขอยืนยันว่า เรื่องนี้ได้รับร้องเรียนจากสถานเอกอัครราชฑูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 ขอให้จับกุม มีผู้เสียหายสนับสนุนข้อมูล เพราะทำเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าดำเนินการ โดยมีหมายค้นจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พร้อมเจ้าหน้าที่ 50 คนเข้าค้น 3 จุด พบของกลางเป็นน้ำหอมยี่ห้อต่างๆรวมกว่า 20,000 ขวด และควบคุมผู้ครอบครองไว้ ระหว่างขนของกลางขึ้นรถมวลชนชาวกัมพูชาเข้าล้อมขว้างปาก้อนหินใส่ ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ รถยนต์เสียหาย พร้อมชิงตัวผู้ต้องหาและของกลาง
แฉพิรุธไอ้โม่งบงการจัดตั้งม็อบเขมร
แถลงการณ์ยังชี้แจงถึงการประสานงานในพื้นที่ว่า ตามพ.ร.บ.การสอบสวน ฯ มาตรา 22/1 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ดีเอสไอขอสนธิกำลังกับหน่วยงาน กรณีมีเหตุจำเป็น ซึ่งเรื่องนี้หากเป็นกรณีปกติเพียงกำลังเจ้าหน้าที่ของกรม 50 นายสามารถปฏิบัติการได้โดยไม่ต้องประสานขอสนธิกำลัง
“พฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ทำผิดไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้ง ปัญหาของตลาดโรงเกลือที่เป็นแหล่งจำหน่ายสิ่งของละเมิดลิขสิทธิ์ก็ถูกปล่อยปละละเลยมานาน กลายเป็นปัญหาระดับประเทศ อีกทั้ง ขอตั้งข้อสังเกตการเข้าปิดล้อมของมวลชนต่างชาติครั้งนี้ ทำได้เร็ว มีแกนนำ เป็นขั้นตอน จึงอาจมีผู้อยู่เบื้องหลังมวลชน ซึ่งอาจเป็นผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงจากขบวนการค้าสิ่งของละเมิดลิขสิทธิ์และอาจเป็นความผิดอาญาเรื่องฟอกเงิน ซึ่งดีเอสไอจะสืบสวนขยายผลต่อไป”แถลงการณ์ระบุ
“วีระ”ปูทหารไม่ดีสั่งรุมตึ๊บจนท.
จากกรณีดังกล่าว นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชันโพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ถูกพ่อค้ากัมพูชารุมทำร้าย เพราะไปจับสินค้าหนีภาษีที่ตลาดโรงเกลือ สาเหตุมาจากบุกเข้าไปจับโดยไม่แจ้งทหารในพื้นที่ก่อน จึงถูกทหารไม่ดีบางคนสั่งให้พ่อค้ารวมตัวกันทำร้ายเจ้าหน้าที่ เพื่อชิงตัวผู้ทำผิดและสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ถูกยึด นายวีระเชื่อว่าถ้าไม่มีคนสนับสนุนพ่อค้ากัมพูชาจะไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ไทย ทั้งยังท้าทาย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้บังคับบัญชาว่าจะมีความสามารถจับทหารไม่ดีเหล่านั้นได้สักกี่คน พร้อมระบุด้วยว่า พล.อ.ไพบูลย์ก็รู้อยู่เต็มอกว่าทหารใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการค้าของผิดกฎหมายตามแนวชายแดนนั้นคือใคร
บิ๊กต็อกจี้บอกมาเลยใครสั่ง
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า ในพื้นที่นี้ไม่มีใครไม่รู้ว่ามีการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะโรงเกลือเป็นเขตธุรกิจใหญ่ในชายแดน ตั้งมานาน ประชาชนเดินเข้าเดินออก รัฐคงไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ คนในพื้นที่ก็คงไม่ปฏิเสธ ส่วนการปฎิบัติหน้าที่ของดีเอสไอทุกครั้ง ตนไม่รู้เรื่อง เพราะไม่จำเป็นต้องมารายงาน เขามีหน้าที่ทั่วราชอาณาจักร
“ที่นายวีระ พูดว่าพล.อ.ไพบูลย์ ทราบเรื่องทหารนั้น อยากให้นายวีระมาบอกผม เอาชื่อมา ในอดีตเคยรับผิดชอบพื้นที่ตรงนั้นสมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 1และยังเตือนทหารว่าถ้ายุ่งเกี่ยวจะสั่งย้ายถ้าพูดเรื่องนี้คือความจริงปฏิเสธไม่ได้ ถ้าให้ผมรู้ว่าตัวบุคคล หรือมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ แต่ถามว่า มันเชื่อมโยงกับข้าราชการในพื้นที่ขนาดไหน ก็อาจทำให้ประชาชนสงสัยได้ ฉะนั้น ข้าราชการกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่า ตม. ศุลกากร ทหารตำรวจที่ดูในพื้นที่ คนในพื้นที่ต้องตอบโจทย์ในสังคมเองให้ได้”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
สั่งไล่บี้ผู้ว่า-ตำรวจ-ทหารจัดการ
และว่า การใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย เป็นสิ่งที่คนในพื้นที่ต้องดูแล ดีเอสไอเป็นคนนอกพื้นที่ เท่าที่ตนสอบถามอธิบดีดีเอสไอถึงวิธีการทำงานทราบว่า 1.มีหมายศาล ฉะนั้นจะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นซึ่งไม่ใช่ 2.แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และ3.มีเจ้าหน้าที่ในนอกเครื่องแบบชัดเจน ก็ตอบโจทย์สังคมได้แล้วว่าเจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่ และการเข้าพื้นที่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกหน่วยในพื้นที่
พล.อ.ไพบูลย์ย้ำด้วยว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนจากทั้งในและนอกประเทศ ผ่านสถานทูตมาด้วยซ้ำ กระทรวงยุติธรรมต้องทำตามหน้าที่ ทำเหมือนกรณีอื่นทั่วไป มีการขอหมายศาลชัดเจน ทั้งนี้ ตนสั่งการให้อธิบดีดีเอสไอ ไปหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ทุกหน่วยต้องร่วมกันแก้ปัญหา
ขู่จัดการเด็ดขาดถ้าอำนาจรัฐแก้ไม่ได้
ส่วนผลสืบเนื่องจากกรณีนี้จำเป็นต้องจัดระเบียบชาวกัมพูชาที่เข้ามาค้าขายหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ คงไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอทำตามหน้าที่ แต่มันคงไปพัวพันเรื่องอื่น ต้องหารือว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งนี้ ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์เกิดขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกถึงอำนาจรัฐที่ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ เราต้องเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้สักที ซึ่งตนเชื่อว่าการค้าที่ถูกต้องสามารถทำได้
จี้ปราบของหนีภาษี-จนท.เอี่ยว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีตัวแทนสมาคมคนค้าขายชายแดน ออกมาระบุว่า ขอให้เห็นใจว่าให้สามารถขายสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้ เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ถ้าพูดอย่างนี้ แล้วพื้นที่อื่นขายของละเมิดลิขสิทธิ์ได้หรือไม่ มันก็ไม่ได้ ถ้ากรุงเทพฯขายได้ ก็ต้องขายได้ทุกที่ เลือกปฎิบัติได้หรือ ดังนั้น เจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่ทำความเข้าใจกับประชาชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องไปหาวิธีแก้ไข อย่าให้ประชาชนมาขอว่าขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ตรงนี้ และที่อื่นจะไม่ตามกันหมดหรือ ซึ่งรุนแรงขึ้นทุกวัน ถ้าเรายังไม่จัดการปัญหานี้
ถามว่า ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ในพื้นที่ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ในฐานะตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ก็มีการประพฤติมิชอบก็ใช่อยู่แล้ว จึงบอกนายวีระไงว่าให้เอาชื่อมา คนอย่างตนจัดการได้
สอบเข้ม2ผู้ต้องหาเขมรร่วมทุบรถ
ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนคดี วันเดียวกัน พ.ต.อ.เสกสรร วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สั่งการให้พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.ป.สภ.คลองลึก พร้อมชุดสืบสวน นำตัวนายสมโอน กง อายุ 23 ปี และนายสัยหา ยิม อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาชาวเขมรถูกจับข้อหาทำลายทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่บุกจับสินค้าลิขสิทธิ์ในตลาดโรงเกลือ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์มาสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาเบาะแสจับกุมผู้ร่วมทำลายทรัพย์สินและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
สารภาพไม่รู้เป็นจนท.ดีเอสไอจริง
เบื้องต้น นายสมโอน และนายสัยหารับสารภาพว่า เป็นกรรมกรรับจ้างในตลาดโรงเกลือ วันเกิดเหตุขณะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจับกุมลิขสิทธิ์สินค้า ได้ยินเสียงชาวเขมรตะโกนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์ปลอม ทำให้ชาวเขมรโมโหใช้ทั้งไม้ทั้งก้อนหินขว้างปาใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ มีบางส่วนช่วยกันพังรถ ตนจึงไปร่วมด้วย เพราะคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ปลอม โดยใช้ไม้ตีกระจกและช่วยกันพลิกรถให้คว่ำ ส่วนคนอื่นๆตนไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง รู้แต่เพียงว่าเป็นชาวเขมรด้วยกัน
กงสุลสอบถามข้อมูลรายงานฮุนเซน
มีรายงานว่า กงสุลใหญ่กัมพูชา ประจำอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้วเดินทางเข้าพบเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ.ต.อ.เสกสรร วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.คลองลึก ซึ่งแหล่งข่าวเผยว่ากงสุลใหญ่กัมพูชามาสอบถามเหตุการณ์ และตรวจสอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจริงหรือไม่ เพื่อรายงานให้ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาทราบเท่านั้น
โรงเกลือเหงาร้านค้าปิดกว่า60%
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศและในตลาดโรงเกลือเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาทำงานและค้าขายในตลาดโรงเกลือลดลง ร้านค้าในตลาดโรงเกลือกว่า 60% ปิดร้าน สอบถามชาวกัมพูชาทราบว่า หลังเกิดเหตุชุลมุนเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้พ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรไม่กล้าเดินทางเข้ามา อ้างว่ากลัวถูกกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะข่าวทางวิทยุกัมพูชาซึ่งรับฟังได้ที่ตลาดปอยเปต ผู้ดำเนินรายการได้นำคำพูดของแม่ค้าชาวเขมรที่ค้าขายในตลาดโรงเกลือ กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ไทยรังแกผู้ค้าชาวเขมร
ตร.สระแก้วถกเร่งล่าคนร่วมก่อเหตุ
วันเดียวกัน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ภ.จว.สระแก้วเดินทางมาที่สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว เรียกประชุมด่วนชุดสืบสวนสอบสวนสภ.คลองลึก เพื่อเร่งหาตัวกลุ่มชาวกัมพูชาที่ร่วมก่อเหตุทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โดยดูจากภาพกล้องวงจรปิดรอบพื้นที่เกิดเหตุ ภาพจากโทรศัพท์มือถือที่พ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรถ่ายไว้ได้ พร้อมสั่งให้ประสานเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกช่วยสกัดจับ โดยนำภาพผู้ต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตม.คอยตรวจสอบ ถ้าพบให้คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก จ.สระแก้วทันที
2เขมรเจอคุก3เดือนไม่รอลงอาญา
นอกจากนี้ ให้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ด่านตม.ปอยเปตของกัมพูชา ชี้แจงทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาป้องกันการเข้าใจผิด
ด้านนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นชาวกัมพูชา 2 คน ล่าสุด ศาลจังหวัดสระแก้วตัดสินสั่งจำคุกผู้ต้องหา ทั้ง 2 เป็นระยะเวลา 3 เดือนโดยไม่รอลงอาญา พร้อมกับนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำสระแก้วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี