10 ก.พ. 59 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รอง ผบช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายยอด ขุขันธิน หรือโล้น อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 7 ต.ท่าไข่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา, นายพิพัฒน์พงษ์ พิศกิ่ง หรือเต้ อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 43/3 หมู่ที่ 4 ต.ท่านั่ง อ.โพทะเล จ.พิจิตร, นายเอ (นามสมมุติ) ผู้ต้องหา ร่วมกันลักทรัพย์(รถจักรยานยนต์)ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีเทา หมายเลขทะเบียน 4 กธ – 3472 กรุงเทพมหานคร, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น MSX สีเหลือง- ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ สีน้ำเงิน-ดำหมายเลขทะเบียน 3 กฉ– 1678 กรุงเทพมหานคร, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 2 กฌ – 3032กรุงเทพมหานคร, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กฮ – 6170 กรุงเทพมหานคร, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 กง – 3080 กรุงเทพมหานคร, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น MSX สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น MSX สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 กฌ – 2968, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ สีแดง – ดำ หมายเลขทะเบียน 4 กณ – 2884 กรุงเทพมหานคร รวมจำนวนทั้งหมด 13 คัน
โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ในเขตพื้นที่ สน.พญาไท ต่อมาวันที่ 8 ก.พ. ได้รับแจ้งลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ในเขตพื้นที่ สน.พญาไท จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ จนพบคนร้ายจำนวน 2 คน และต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม กก.สส.บก.น.1 ร่วมกับ สน.พญาไท ออกสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาโดยตลอด
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ พบชายวัยรุ่น จำนวน 2 คนทราบชื่อ คือ นายพรสวรรค์ หรือเต้ สนเม้า และ นายเอ(นามสมมุติ) ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ คนละคัน ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับบุคคลตามหมายจับ จึงเรียกให้หยุดแล้วแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ เพื่อขอทำการตรวจค้น แต่นายพรสวรรค์ได้ทิ้งรถจักรยานยนต์แล้ววิ่งหนีสามารถหนีการจับกุมไปได้ ส่วนนายเอ (นามสมมุติ) ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้านเลขที่ 468 ซอยชานเมือง 2 แขวง-เขตดินแดง กรุงเทพฯ เจ้าพนักงานตำรวจได้วิ่งไล่ตามจนสามารถควบคุมนายเอ(นามสมมุติ) เอาไว้ได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในบ้านพบนายพิพัฒน์พงษ์ อยู่ในบ้านจึงขอทำการตรวจสอบรถของกลางที่จอดอยู่บริเวณบ้าน พบว่าเป็นรถที่ถูกแจ้งหายไว้ที่ สน.พญาไท สน.โชคชัย และพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าพนักงานตำรวจ กก.สส.บก.น.1 จึงได้ประสานมายัง ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท เพื่อร่วมทำการตรวจสอบ และทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป
ต่อมาขณะทำการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวอยู่ นายยอดได้ขับรถมาที่บ้านหลังดังกล่าวจึงเรียกให้หยุดรถและแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอทำการตรวจสอบ ปรากฏว่า นายยอดมีใบหน้าคล้ายกับบุคคลตามหมายจับ ซึ่งปรากฏตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด จึงได้ทำการจับกุมตัว สอบถามนายยอดยอมรับว่าได้เคยร่วมกันลักรถจักรยานยนต์กับนายโย่ง ไม่ทราบชื่อ
สกุลจริง ก่อนหน้านี้มาแล้วหลายครั้ง
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การว่าได้ทำการขโมยมาแล้ว จำนวน 50 คัน เป็นพื้นที่ สน.พญาไท จำนวน 3 ครั้ง คือรถตำรวจที่จอดอยู่ในที่จอดรถ สน.พญาไท โดยผู้ต้องหาจะลักเฉพาะรถจักรยานยนต์รุ่น CBR และ MSX เท่านั้นเนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อได้รถแล้วจะนำมารวมที่ บ้านเช่าเลขที่ 468 ซ.ชานเมือง 2 แขวง/เขตดินแดง กรุงเทพฯ เพื่อทำการเปลี่ยนขั้วกุญแจ และเปลี่ยนอะไหล่บางชิ้น จากของแต่งเป็นสภาพเดิม ๆ จากนั้นจะนำรถไปส่งขายต่อนายแบงค์ ไม่ทราบชื่อ
สกุลจริง บริเวณลานจอดรถห้างโลตัส สาขาถนนพระราม 4 ในราคาคันละ 5,000 -7,000 บาท เมื่อได้เงินมาก็นำมาแบ่งกันคนละครึ่ง เพื่อใช้จ่ายในการเที่ยวเตร่ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี