เลียบๆ เคียงๆ มาติดตามการทำงานแก้ปัญหาของกระทรวงเกษตรฯ ต้องบอกว่า เริ่มซาลงกับปัญหาเรื่องราคายางพาราที่เกิดขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศลั่นเดินเกม ทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางเข้าไปแทรกแซงราคารับซื้อนำตลาดยางพาราเพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกร ได้มีที่ขายยางพารามากขึ้น ทำให้ราคายางพาราในท้องตลาดขยับตัวสูงขึ้น แม้วันนี้จะยังไม่มียางไปขายในจุดรับซื้อ จำนวนไม่มาก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
หากวันนี้ กระทรวงเกษตรฯ คิดเป็นและรู้จัก เรื่องของปัญหายางพาราอย่างมืออาชีพ ต้องทราบดีว่าการเดินเกมหมากนี้ กระทรวงเกษตรฯถือว่าสำเร็จในเชิงวางกลยุทธ์ในการแก้ปัญหาราคายาง และการที่ เกษตรกรนำยางมาขายน้อยก็ไม่ใช่โครงการแทรกแซงราคายางไม่สำเร็จ แต่หากเพราะเกษตรกรอยู่ในช่วงใกล้ปิดกรีดจึงไม่มียางพารามาขายในจุดรับซื้อจึงมีเกษตรกรนำยางพารามาขายน้อยไม่ใช่เกษตรกร ไม่สนใจ และที่สำคัญราคารับซื้อยางมีขยับตัวสูงขึ้น จากนี้ต้องจับตาว่ากระทรวงเกษตรฯจะเอาอย่างไรในการช่วยชาวสวนยางระหว่างปิดกรีดยางหลายเดือน เพราะเห็นว่าเงินที่ช่วยเหลือชาวสวนยางเดิมไร่ละ 1,500 บาทที่ช่วยทั้งชาวสวนยางและคนกรีดยาง บางส่วนยังไม่ถึงมือเกษตรกรซึ่งเข้าใจว่า น่าจะใช้ช่วงนี้ เดินหน้าจ่ายเงินช่วยเหลือให้จบกันไปอ้าวเอาใจช่วยจริงๆ
มาอีกเรื่องที่โผล่ออกมาให้ติดตามคือ เรื่องปัญหาที่ดินทำกิน ที่เปิดฉากจาก เรื่องปัญหาที่ดินทำกินที่อยู่ในส่วนรับผิดชอบของ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือ ส.ป.ก. ที่ออกเอกสารสิทธิให้กับเกษตรกรที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ๆ ก็มีข่าวว่า มีการบุกรุกสวนป่าของกรมป่าไม้ ซึ่งตรวจสอบไปตรวจสอบมา พบว่า มันดันเลยแนวตะเข็บ ที่เขตที่อยู่ในส่วนของกรมป่าไม้ 5 แปลง จากทั้งหมด 31 แปลง งานนี้ ท่าน เลขาฯส.ป.ก. “นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส” จึงได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบว่า มีการออกเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 ให้กับเกษตรกร โดยมิชอบหรือไม่ หากพบมีการทุจริตงานนี้ท่าน เลขาฯ ส.ป.ก.ลั่นฟันไม่เลี้ยงยังไงขอให้เอาจริงเหอะ ท่าน เลขาฯ แน่จริงอย่าปากว่า และขาสั่นล่ะ
สุดท้ายต้องบอกว่า ปัญหาการจัดการเรื่อง ที่ดิน ส.ป.ก. วันนี้เริ่มส่อเคล้าบานปลาย เพราะหลายพื้นที่ เริ่มมีหลายแปลง หลุดเข้าไปอยู่ในเขตป่า จากเดิมที่เคยอยู่กินมาเป็นชาติ ว่ากันง่ายๆ หลายพื้นที่ ทางกรมป่าไม้ มีการยกป่าเสื่อมโทรมให้ ทาง ส.ป.ก. ไปจัดสรรให้กับเกษตรกร ตั้งแต่ ปี 2536 อย่างเช่น จ. เพชรบูรณ์ มาวันนี้ อยู่ๆ รัฐบาลก็มามีมาตรการจะปรับปรุงแผนที่ แนวเขตที่ดินของรัฐ แบบบูรณาการมาตรส่วน1:4000 ONE MAPทำให้ ทั้งกรมป่าไม้และ ส.ป.ก. ต้องรังวัดที่ดินตามแนวตะเข็บกันใหม่ ทำให้ จากเดิมทั้งสองหน่วยงานต่างคนต่างยึดแนวตนเอง ต้องมาวางแนวตะเข็บเดียวกัน ทำให้บางพื้นที่ที่เคยเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. หลุดไปอยู่ในเขตป่า แว่วว่า ขณะนี้ มีเกษตรกร หลายครอบครัวถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะอยู่ๆ ที่เคยทำการเกษตร กว่า 18 ไร่ ที่ครอบครองปลูกยางพารา กันมาหลายปี ที่กำลังกรีดได้อยู่ดีๆ ก็เจ้าหน้าที่มาบอกว่า ตอนนี้ ทางกรมป่าไม้กับ ส.ป.ก. ตกลงร่วมกันเรื่องแนวตะเข็บคุณเหลือที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 อยู่แค่ 2 ไร่ เพราะอีก 16 ไร่ เราเห็นพ้องต้องกันว่ามันอยู่ในเขตป่า ทั้งที่
ก่อนหน้านี้ เขาทำการเกษตร มาต่อเนื่องและได้ที่จัดสรรมาอย่างถูกต้อง เล่นเอาอึ้งไปตามๆแล้วอย่างนี้จะไปโทษใครหละครับ ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” ช่วยชาวบ้านที เพราะชาวบ้านเขาเดือดร้อนจริงๆ
หมิงเทียน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี