แม้เรื่องราวของการเรียกร้องให้รัฐบาลออกมารับซื้อยางในราคาที่ชาวสวนยางต้องการ จะเงียบสงบลงไปแล้ว เพราะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เปิดจุดรับซื้อยางตามราคาที่กำหนด ถึงจะไม่ได้ราคาเท่าที่เรียกร้อง แต่ก็พอจะบรรเทาความเดือดร้อนลงได้บ้าง
จากวิกฤติราคายางที่เกิดขึ้น หน่วยงานที่มีบทบาทในการเข้าไปแก้ปัญหามีหลายหน่วยงาน ทั้ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และ ทหาร (คสช.) นับว่าโชคดีที่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลทหาร จึงสั่งให้ทหารเข้ามาช่วย และสั่งให้กระทรวงต่างๆ เข้ามาช่วยด้วย ไม่เพียงแต่การรับซื้อยาง แต่รวมไปถึงการพิจารณาหาทางใช้ยางให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ลำพังการยางแห่งประเทศไทยเอง คงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้มากมาย แม้ว่าในพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 จะระบุในมาตรา 8 และ 9 ว่า เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นให้การยางแห่งประเทศไทยเข้าไปดำเนินการแก้ไขก็ตาม เพราะปัญหาภายใน กยท. เอง ก็ยังไม่สามารถแก้ไขให้คลี่คลายลงได้
เจตนารมณ์ของการจัดตั้งการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. กำหนดไว้ว่า เพื่อให้เป็นองค์กรกลางรับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจรบริหารจัดการเกี่ยวกับการเงินกองทุนพัฒนายางพารา จัดให้มีการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย พัฒนาและเผยแพร่ข้อมูลและสารสนเทศเกี่ยวกับยางพารา ส่งเสริมสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางและผู้ประกอบกิจการยางด้านวิชาการ การเงิน การผลิต การแปรรูป การอุตสาหกรรม การตลาด การประกอบธุรกิจ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ดำเนินการให้ระดับราคายางพารามีเสถียรภาพ
เจตนารมณ์สุดท้าย เป็นงานที่ท้าทาย และเป็นงานที่ยากที่สุด เพราะกว่าจะมาเป็น กยท. ได้ เริ่มมาตั้งแต่ยางกิโลกรัมละเกิน 100 บาท ในปี 2555 แล้วตกต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงปี 2558 ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ. การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ราคายางเหลือ 3 กิโลกรัม/100 บาท (อย่างที่ชาวสวนยางเขาว่ากัน) เป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง ขณะเดียวกัน ก็เป็นสิ่งที่ท้าทาย กยท. ให้เข้ามาแสดงฝีมือแก้ไขปัญหา
แต่ภายใน กยท. ซึ่งมาจาก 3 หน่วยงาน คือ สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง และ องค์การสวนยาง ยังเป็นน้ำ กับน้ำมันกันอยู่ ยังรวมตัวกันไม่ได้ ยังไม่ได้ตั้งหลัก บุคลากรจาก 3 หน่วยงานยังไม่ได้คิดถึงภารกิจของหน่วยงานตามเจตนารมณ์ ได้แต่คิดถึง “ภาระกู” ว่าตนเองจะอยู่ที่ไหน ตำแหน่งอะไร ค่าตอบแทนเท่าไร
เป็น กยท. มาเกือบจะครบปีแล้ว ยังไม่มีผู้ว่าการ เป็นตัวเป็นตน มีแต่รักษาการซึ่งผ่านมา แล้ว 2 คน คนแรก วีระศักดิ์ ขวัญเมือง อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาล รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กยท. ตามบทเฉพาะกาลมาตรา 74 ของพ.ร.บ. การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ซึ่งทำหน้าที่ได้ไม่เกิน 120 วัน จากนั้นเปลี่ยนใหม่เป็น เชาว์ ทรงอาวุธ คนนี้แต่งตั้งมาปฏิบัติหน้าที่ ยังไม่ใช่ตัวจริงอีกเช่นกัน เป็นอดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง สำหรับผู้ว่าการ กยท. ตัวจริงกำลังสรรหากันอยู่ เพิ่งปิดรับสมัครไปเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
คุณสมบัติที่กำหนดไว้คือ อายุไม่เกิน 58 ปี จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี ถ้าเคยรับราชการมาก่อนต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอธิบดี หรือรองผู้ว่าการ ถ้าเป็นเอกชนจะต้องเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ด้านการบริหารทั่วไป หรือด้านธุรกิจ หรือด้านการตลาด หรืออุตสาหกรรม และมีวิสัยทัศน์ด้านการบริหารจัดการองค์กร ที่สามารถปรับเปลี่ยนบทบาทอุตสาหกรรมยาง และการตลาดยางพาราไปในทิศทางที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ และลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
ตรงวิสัยทัศน์นี่ โจทย์ยากอ่ะ.........ยิ่งยากเข้าไปใหญ่เมื่อสถานการณ์ยางพาราอยู่ในช่วงขาลงเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทราบว่ามีผู้มาสมัครเข้ารับการสรรหา 6 คน มีทั้งอดีตผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน ผู้นำชาวสวนยาง และผู้ดำเนินรานการโทรทัศน์ ที่น่าสังเกตคือ....ไม่มีอดีตข้าราชการ...
คนในวงการยางเองก็คงหาไม่ได้ง่ายๆ ที่จะมีคุณสมบัติตามที่กำหนดนี้ คนนอกวงการก็ไม่มั่นใจว่าจะมาสู้รบปรบมือ กับผู้มีอิทธิพลในวงการยางได้มากน้อยเพียงไร เพราะนอกจากยางจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับหนึ่งของไทยแล้ว ยางยังเป็นพืชการเมืองที่ข้าวต้องชิดซ้ายเลยทีเดียว
ว่าแล้วก็ให้เป็นห่วง กยท. จะไปไม่ถึงดวงดาวเสียละกระมัง
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี