19 ก.พ. 59 นายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง เปิดแถลงข่าวแจ้งให้ผู้ที่มีความประสงค์จะทำการประมงพาณิชย์ในปีการประมง 59-60 มายื่นคำขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 1 – 15 มี.ค. 59 ณ สำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพฯ กรมประมง หรือ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานประมงอำเภอแห่งท้องที่ที่มีอาณาเขตติดทะเล ทั้งนี้ ขึ้นรอบปีการประมงใหม่ วันที่ 1 เม.ย. 59 หากเรือประมงลำใดออกไปทำประมงโดยที่ไม่มีใบอนุญาตจะมีโทษรุนแรงทั้งทางอาญาและมาตรการทางปกครองตาม พ.ร.ก.การประมง ปี 58โดยผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ จะต้องเตรียมเอกสารหลักฐานประกอบในการยื่นคำร้องให้ครบถ้วน ซึ่งเจ้าหน้าที่ในแต่ละอำเภอจะตรวจความถูกต้องของสอบเอกสารให้เรียบร้อยและบันทึกข้อมูลลงในระบบ e-license ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 18 มี.ค. 59 และส่งให้คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ของกรมประมง พิจารณาและส่งผลการพิจารณาให้ประมงอำเภอท้องที่และแจ้งผลให้ผู้ที่ขออนุญาตทราบ ภายในวันที่ 27 มี.ค 59 ซึ่งชาวประมงจะต้องมาติดต่อขอชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและอากรทำการประมง พร้อมรับใบอนุญาตฯ (มีอายุ 2 ปี) / เครื่องหมายประจำเรือประมง / บัตรสำหรับใช้แทนใบอนุญาตฯ / สติ๊กเกอร์ประจำเรือประมง ณ อำเภอท้องที่ ที่ยื่นคำขอ และสามารถออกทำการประมงได้อย่างถูกต้องตาม พ.ร.ก.การประมง ปี58 ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.59 ซึ่งเริ่มปีการทำประมงใหม่ (1 เม.ย.59 – 31 มี.ค.60)
สำหรับเกณฑ์ในการพิจารณาให้ใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์นั้น จะสอดคล้องกับปริมาณของทรัพยากรสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ใหม่ตามพ.ร.ก. การประมง ฉบับนี้ ผู้ใดออกไปทำประมงทั้งทะเลฝั่งอ่าวไทยและทะเลฝั่งอันดามัน โดยไม่มีใบอนุญาตฯ หรือกระทำความผิดอื่นๆ อาทิ ปลอมแปลงเครื่องหมายประจำเรือหรือทะเบียนเรือ จะมีบทกำหนดโทษตาม พ.ร.ก.การประมง ปี58 ที่ค่อนข้างรุนแรงทั้งทางอาญาและมาตรการทางการปกครอง ซึ่งมีโทษปรับสูงถึง 30 ล้านบาท อีกทั้ง ยังอาจถูกยึดสัตว์น้ำ ยึดเครื่องมือประมง ไปถึงขั้นยึดเรือ และถอนใบอนุญาต ดังนั้น จึงขอความร่วมมือผู้ที่จะทำประมงพาณิชย์ รีบมาดำเนินการตามขั้นตอนและวันเวลาตามที่ทางราชการได้แจ้งไปและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากประเทศไทยได้ถูกสหภาพยุโรป (EU) ให้ใบเหลืองอย่างเป็นทางการเมื่อ 21 เม.ย.58 ซึ่งที่ผ่านมาในน่านน้ำไทยมีเรือประมงพาณิชย์ผิดกฎหมายออกทำการประมงอยู่กว่า 1 หมื่นลำ และเกือบจะทั้งหมดเป็นเรืออวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟ ซึ่งกรมเจ้าท่าสำรวจพบว่าเป็นเรือที่ไม่มีทะเบียนถึง 16,900 ลำ ส่วนเรือที่ตรงตามทะเบียนจริงมี 28,000 ลำ จากจำนวนเรือที่ขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมด 42,051 ลำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี