วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“หอมกระเทียมศรีสะเกษ มีชื่อเสียง ทุกครัวเรือนในพื้นที่ควรได้บริโภคหอมแดงและกระเทียมศรีสะเกษเองไม่ใช่ทานหอมกระเทียมแพนด้า” พระราชดำรัส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2558 ณ แปลงนาในหมู่บ้านส้มป่อย ตำบลส้มป่อย อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
จากพระราชดำรัสดังกล่าว นำมาสู่ความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่จะผลักดันให้หอมแดงและกระเทียมศรีสะเกษ มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนเกิดความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
นายสุกิจ รัตนศรีวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญการจัดการผลิตพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่าจากปี 2558 สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 (สวพ.4)ดำเนินการศึกษาวิจัยโรคหอมแดง จนได้เทคโนโลยีการผลิตหอมแดงคุณภาพถ่ายทอดสู่เกษตรกรต้นแบบ 2 ตำบล คือ ตำบลหนองหมีและตำบลสร้างปี่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อแก้ปัญหาการผลิตหอมแดงให้มีคุณภาพ ปลอดโรคผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP และสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งผลิตได้ด้วยระบบ QR Code สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
มาปีนี้ สวพ.4 ได้ขยายการดำเนินงานโดยร่วมมือกับสภาเกษตรกรจังหวัดศรีสะเกษ ในการขับเคลื่อนพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงและกระเทียม ภายใต้แนวคิด “จากผลงานวิจัย สู่อาหารปลอดภัย ก้าวไกลสู่ตลาดสากล” โดยเป็นต่อยอดผลงานวิจัยเทคโนโลยีการผลิตหอมแดงปลอดภัยจาก 2 ตำบลนำร่อง เพิ่มขึ้นอีก 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลส้มป่อย ยางชุมน้อย บุสูง ทามและฟ้าห่วน โดยขณะนี้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเป็นคลัสเตอร์หอมแดง ขับเคลื่อนผ่านสภาเกษตรกร เป็นการดำเนินงานตามนโยบายประชารัฐ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งสร้างอำนาจในการต่อรองและสามารถกำหนดราคาที่ต้นทางได้ ก่อให้เกิดความยั่งยืนตามมา อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าว่าจะสามารถขยายเครือข่ายเกษตรกรให้ผลิตหอมแดงคุณภาพได้ครอบคลุมทั้งจังหวัดศรีสะเกษภายใน 1-2 ปีต่อจากนี้ พร้อมกันนั้นจะนำเทคโนโลยีการผลิตหอมแดงคุณภาพมาเป็นโมเดลในการขยายผลสู่การผลิตพืชเศรษฐกิจ
ที่สำคัญของศรีสะเกษ โดยเฉพาะกระเทียม รวมไปถึงทุเรียน พริกและพืชชนิดอื่นๆ ต่อไป เพื่อให้เกิดความยั่งยืนตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
.jpg)
ด้าน นางสาวพิชามญชุ์ แซ่จึง หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า หอมแดงและกระเทียมเป็นอัตลักษณ์ของชาวศรีสะเกษ ซึ่งศรีสะเกษเป็นแหล่งปลูกหอมแดงมากที่สุดในประเทศไทย คือมีพื้นที่ปลูกใน 11 อำเภอ รวม 50,000 ไร่ ส่วนกระเทียมก็มีความโดดเด่นลักษณะที่แตกต่างจากแหล่งผลิตอื่นจนได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ แต่ปี 2557 สินค้าทั้ง 2 ชนิดเกิดปัญหาสินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ พอมาปี’58 หอมแดงก็มีโรคหอมเลื้อยระบาด ทำให้ผลผลิตตกต่ำไม่มีคุณภาพ เกษตรกรจำนวนไม่น้อยปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นทดแทน เช่น มันสำปะหลังและข้าวโพด ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกหอมแดง ลดลงเหลือ 29,000 ไร่ครั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯพื้นที่ตำบลส้มป่อย มีพระราชดำรัสว่า คนในพื้นที่ควรได้บริโภคหอมแดงและกระเทียมของศรีสะเกษเองไม่ใช่ทานกระเทียมแพนด้า นำมาซึ่งความภาคภูมิใจของชาวศรีสะเกษ
ทั้งนี้ สภาเกษตรกรมีเครือข่ายเกษตรกรอยู่ทุกหมู่บ้านทุกตำบลอยู่แล้ว จึงได้ประสานขอความร่วมมือจาก สวพ. 4 กรมวิชาการเกษตรให้ช่วยดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพืชคุณภาพ ทั้งหอมแดง กระเทียม รวมถึงไม้ผล เช่น ทุเรียน เงาะ พืชผัก เพื่อให้จังหวัดศรีสะเกษเป็นแหล่งผลิตหอมแดง กระเทียม และพืชเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ สร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้เกษตรกรในพื้นที่สืบไป
ขณะที่ นายบนนภา สีหะวงษ์ ผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกหอมกระเทียม ต.ยางชุมน้อย กล่าวว่า เทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรที่เข้ามาถ่ายทอด ช่วยให้เกษตรกรสามารถผลิตพืชโดยคำนึงถึงความปลอดภัย คุณภาพและได้มาตรฐานตามที่กำหนดมากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน โดยเฉพาะเมื่อมีตัวกลางอย่างสภาเกษตรกรจังหวัดเป็นผู้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกษตรกรมีโอกาสเข้าถึงแหล่งความรู้และเทคโนโลยีการผลิต ตลอดจนด้านการตลาด เพราะเครือข่ายเกษตรกรในแต่ละพื้นที่จะมีการประชุมหารือเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การผลิตแต่ละชนิดโดยเน้นการตลาดนำการผลิต ทำให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
.jpg)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี