วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ภัยแล้ง เป็นภัยพิบัติอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการทำการเกษตรของเกษตรกรในวงกว้าง โดยเฉพาะในปีนี้แม้กระทั่งเกษตรกรที่อยู่ในเขตพื้นที่ชลประทานก็ยังไม่สามารถใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูกได้อย่างปกติ ฉะนั้นการปลูกพืชใช้น้ำน้อยจึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยฝ่าวิกฤติแล้งนี้ไปได้
นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ มีความห่วงใยในสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น จึงได้จัดทำมาตรการหลายด้านในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรหนึ่งในนั้นคือการลดพื้นที่ปลูกข้าวโดยส่งเสริมให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยชนิดอื่นทดแทนเพื่อให้มีรายได้ในระหว่างที่งดทำนา โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนส่งเสริมการผลิตโดยใช้การตลาดนำ ควบคู่กับถ่ายทอดองค์ความรู้ จากงานวิจัยและเทคโนโลยีที่สัมฤทธิผลแล้วไปสู่เกษตรกรให้เกิดการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นด้วย
กรมวิชาการเกษตร เป็นหน่วยงานในสังกัดกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน้าที่ในการศึกษาและพัฒนางานวิจัยให้สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร โดยเฉพาะปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในช่วงประสบปัญหาภัยแล้ง ดังนั้นงานวิจัยพืชใช้น้ำน้อยก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการศึกษาวิจัยพัฒนาพันธุ์พืชที่ใช้น้ำน้อยหลากหลายชนิด แต่ที่มีความโดดเด่นมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ ถั่วเขียวและข้าวโพดฝักสด เนื่องจากเป็นพันธุ์พืชใช้น้ำน้อยที่มีศักยภาพในการปลูกเป็นพืชหลังนาที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีโอกาสในการทำตลาดสูงเพราะปัจจุบันการผลิตยังไม่เพียงพอกับความต้องการ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ที่มีการเชื่อมโยงตลาด เน้นส่งเสริมการผลิตสินค้าที่มีตลาดรองรับ พร้อมกับควบคุมการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพปลอดภัย โดยเฉพาะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
.jpg)
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมวิชาการเกษตรมีผลงานวิจัยค้นคว้าจนเป็นผลสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะภัยแล้งที่เกษตรกรกำลังประสบอยู่นี้ ทางกรมวิชาการเกษตร โดยศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาทที่ก่อตั้งมาครบ 50 ปีในปี 2559 นี้ มีผลงานวิจัยด้านพืชไร่ พืชเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือพืชใช้น้ำน้อย เช่น ถั่วเขียวผิวมัน ถั่วเขียวผิวดำ ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดฝักสด ถั่วลิสงถั่วเหลือง สามารถถ่ายทอดเผยแพร่ผลงานวิจัยสู่เกษตรกรเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ โดยขณะนี้สามารถให้บริการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตพืชใช้น้ำน้อยให้เกษตรกรครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้ง 22 จังหวัด
อย่างไรก็ดี กรมวิชาการเกษตรไม่ได้มุ่งเน้นแค่เพียงถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชใช้น้ำน้อยแค่เพียงให้เกษตรกรฝ่าวิกฤติภัยแล้งแค่ปีนี้ปีเดียวเท่านั้น กรมต้องการสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพของเกษตรกรรวมถึงแก้ปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์พืชพันธุ์ดีไปพร้อมๆ กัน สำหรับด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ได้สร้างเครือข่ายกับกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์หลายแห่ง ให้นำเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวชั้นพันธุ์ขยายของศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท ไปผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นจำหน่ายที่มีคุณภาพให้กับเกษตรกรโดยตรง หรือจำหน่ายคืนให้กับทางกรมวิชาการเกษตร ในราคาตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพเมล็ดพันธุ์ที่กำหนด ซึ่งสูงกว่าราคาท้องตลาดประมาณ 10% ในปีนี้ได้แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวให้เกษตรกรเครือข่ายที่ร่วมโครงการไปแล้วจำนวน 220 ตัน คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 35,000 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 200 กก./ไร่ จะได้เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวคุณภาพกลับคืนมาสู่ระบบไม่ต่ำกว่า 7,000 ตัน ทั้งนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP ทุกแปลง เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ส่วนด้านการตลาดได้เชื่อมโยงกับบริษัทแปรรูปผลผลิตจากถั่วเขียว เช่น โรงงานวุ้นเส้นรายใหญ่ 2 แห่ง ที่พร้อมจะรับซื้อผลผลิตของเกษตรกรทั้งหมด เป็นการยืนยันได้ว่าตลาดยังมีความต้องการผลผลิตถั่วเขียวจำนวนมากนั่นเอง
จากข้อมูลบริหารจัดการปลูกถั่วเขียวตามคำแนะนำ เกษตรกรสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท/ไร่ นี่คือรายได้ในรูปของเงินสดเท่านั้น แต่การปลูกถั่วเขียวหรือพืชตระกูลถั่วอื่นๆ ยังมีผลตอบแทนด้านอื่นตามมาอีกหลายประการ เช่น เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ส่งผลให้การปลูกข้าวหรือพืชหลักในฤดูถัดไปให้ผลผลิตสูงขึ้น ที่สำคัญการงดปลูกข้าวที่ต้องขังน้ำไว้ในนาตลอดเวลา นอกจากช่วยลดการใช้น้ำแล้ว ยังลดการปล่อยก๊าซมีเทรนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากการถ่ายทอดงานวิชาการและเทคโนโลยีการผลิตพืชแล้ว ทางศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท ยังได้ทำแปลงสาธิตการผลิตพืชตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงที่นำเสนอการใช้พื้นที่เพียง 1 งาน สามารถปลูกพืชมากกว่า 10 ชนิด อาทิ พืชใช้น้ำน้อย ไม้ผลระยะสั้น พืชผัก ดอกไม้ซึ่งสามารถสร้างรายได้หมุนเวียน เกิดความยั่งยืน ที่สำคัญเป็นการใช้ทรัพยากรทั้งดิน น้ำอย่างรู้คุณค่าและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี