วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ปีที่ร้อนแล้งจัดไปแล้ว ถึงจะขาดน้ำอย่างไร คนไทยก็ยังมีความสุขสนุกสนานเต็มที่ทั่วประเทศ กระทั่งมีการแซวกันในโลกโซเชียลมีเดียตามมาว่า ชีวิตหลังสงกรานต์ 1.ตัวดำขึ้น 2.น้ำหนักขึ้น 3.ความขี้เกียจเข้าครอบงำ(เพราะหยุดยาวจนไม่อยากกลับมาทำงาน) 4.ตังค์หมด (ทำให้ธนาคารคนจนอย่างโรงจำนำธุรกิจคึกคัก ต้องเพิ่มเงินสดไว้รับจำนำของ) ขณะที่ 5.งานรอเพียบ
เอาละ! กลับมาสะสางงานกันถึงจะร้อนจะเพลียแค่ไหน แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
ช่วงสงกรานต์ปีก่อนๆที่ผ่านมา มักจะมีพายุฤดูร้อน พัดพาฝนมาคลายร้อน แต่ปีนี้อากาศแห้งสุดๆจากปรากฏการณ์ “เอลนิโญ” แม้จะมีพายุฤดูร้อนบ้าง แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ก็แทบไม่มีฝนเลย
อย่างไรก็ตามไม่กี่วันก่อนมีข่าวออกมาตอกย้ำว่า ปรากฏการณ์ “เอลนิโญ” (El Niño) ที่ทำให้เกิดความแห้งแล้งเดือดร้อนกันมายาว 2-3 ปีนี้ กำลังจะสิ้นสุดภายใน 2 เดือนข้างหน้า และช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าจะเกิดปรากฏการณ์ “ลานิญ่า” (La Niña) ซึ่งจะเป็นตรงกันข้ามกับเอลนิโญ เลย คือ มีแนวโน้มที่ฝนจะตกมาก กระทั่งเกิดน้ำท่วมใหญ่ได้
มีการพยากรณ์เรื่องนี้มาตั้งแต่กลางปีก่อน และเป็นจริงจังมากขึ้นช่วงเดือนมกราคมต้นปีที่ผ่านมา โดย 2 องค์กรสำคัญที่ได้รับความเชื่อถือสูงเรื่องทำนาย “เอลนิโญ-ลา นิญ่า” คือ ศูนย์พยากรณ์สภาพภูมิอากาศ สำนักบริหารแห่งชาติด้านมหาสมุทรและบรรยากาศ(National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือที่รู้จักกันในนาม “โนอา” (NOAA)ของสหรัฐอเมริกา และ Australian Bureau of Meteorology ของประเทศออสเตรเลีย
กระทั่งล่าสุดไม่กี่วันก่อน “โนอา”ออกประกาศอย่างเป็นทางการว่า เอลนิโญ เริ่มสิ้นสุดลงและจะหายไปภายใน 2 เดือนข้างหน้า จากนั้นปรากฏการณ์ ลานิญ่า จะเข้ามาแทนที่...โอกาสที่จะเกิดมีถึง 70% แล้วในขณะนี้ โดยคาดกันว่าลานิญ่าจะเกิดและสิ้นสุดระหว่าง 9-12 เดือน
“ลานิญ่า” ที่คาดจะมาปลายปีนี้ ต่อเนื่องถึงปีหน้า สำหรับประเทศไทยที่เผชิญภาวะแล้งจัดติดต่อกันมา 3 ปี จนน้ำเขื่อน น้ำท่า แม่น้ำลำคลองต่างแห้งเหือดเกือบหมด ในเบื้องต้นจึงต้องนับเป็นเรื่องดี ที่จะมีน้ำฝนมาเติมแหล่งน้ำต่างๆ ช่วยให้ปีหน้าเชื่อได้ว่า เกษตรกรจะมีน้ำสำหรับการผลิตได้พอเพียง ชุบชีวิตชีวา ก่อเกิดผลดีต่อภาคการเกษตรและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
แต่อะไรที่ “มากเกินไป” และมาอย่างรวดเร็วยาวนาน ก็สามารถสร้างภัยพิบัติที่ร้ายแรงได้ด้วย โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ประเทศไทยเมื่อปี 2554 เป็นบทเรียนที่เห็นเต็มตามาแล้ว เชื่อว่า คนไทยคงไม่ลืมภาพน้ำท่วมใหญ่ครั้งนั้น ที่รัฐบาลยุค ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “เอา(ไม่)อยู่” จนเกิดความวินาศสันตะโรไปทั้งประเทศคิดเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท ซึ่งแน่นอนสาเหตุสำคัญเพราะฝนที่ตกมากผิดปกติอย่างต่อเนื่องจากปรากฏการณ์ “ลานิญ่า” แต่สาเหตุสำคัญมากอีกส่วนหนึ่งก็มาจาก “ความไร้น้ำยา” และ “ความผิดพลาด” ในการดำเนินงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วย
ดังนั้นเรื่องของ “ลานิญ่า” หนนี้จึงจะมองแต่ด้านบวกไม่ได้ จะต้องเตรียมการรับมือสำหรับ “ผลลบ” ที่มีโอกาสจะเกิด
น้ำท่วม น้ำป่า ดินโคลนภูเขาถล่มหรือภัยพิบัติอื่นๆ ตามมาในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่มากมายทั่วประเทศ รวมทั้งการที่สภาพพื้นที่แม่น้ำลำคลองแหล่งน้ำต่างๆ แม้กระทั่งอ่างเก็บน้ำ เขื่อนต่างๆ ที่เจอกับภัยแล้งจัด จนโครงสร้างอาจเสียหาย หากน้ำมามากอย่างรวดเร็ว ก็มีโอกาสที่จะพังทลายได้
นอกจากนั้นทั้งหลายทั้งปวงก็ยังคงหนีคำว่า “การบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ” ไม่พ้น ไม่ว่าจะ “น้ำแล้ง”
หรือ “น้ำมากเกินไป” ต้องเตรียมการสำหรับการกักเก็บน้ำอย่างไร ไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในอนาคตให้ได้มากที่สุด
ในยุคคสช. ย้อนกลับไปปีก่อน ช่วงแรกๆ รัฐบาลเองก็ยังมีท่าทีเมินเฉยต่อข้อกังวลนักวิชาการหลากสาขาที่เตือนเรื่อง
“ภัยแล้ง” จะเกิดขึ้นอย่างหนัก จนเมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลังปี2558 ที่ภัยแล้งทวีความวิกฤติรุนแรง ถึงเพิ่งจะตระหนัก ค่อยมาขอความร่วมมือประชาชนให้ประหยัดน้ำ จนดูเหมือนสายเกินไป...เป็นบทเรียนให้เห็นถึงความที่ยังไม่ทันสถานการณ์นัก
ดังนั้น ตอนนี้แม้ยังคงแล้งหนักอีกอย่างน้อย 2 เดือน แต่ก็ไม่ควรมุ่งแก้แต่ปัญหาเฉพาะหน้า จนละเลยที่จะวางแผนรับมือ “ลานิญ่า” ที่อาจจะก่อภัยพิบัติร้ายแรงได้ รวมทั้งวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ประโยชน์จาก “ลานิญ่า” อย่างเต็มที่สำหรับอนาคตด้วย
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี