จากปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 กรมวิชาการเกษตร จึงได้จัดโครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรได้รับบริการทางวิชาการโดยผ่านกระบวนการฝึกอบรมและศึกษาดูงานเทคโนโลยีทางเลือกในการผลิตพืชที่เหมาะสม การจัดทำแปลงต้นแบบเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชทั้งในพื้นที่แปลงทดลองของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร และแปลงขยายผลเทคโนโลยีการเกษตรในพื้นที่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้ “เข้าถึง”การให้บริการทางวิชาการ โดย “เข้าใจ” และ “เข้าถึง” องค์ความรู้ที่ถูกต้องและเหมาะสม และมีส่วนร่วมในการ “พัฒนา” องค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร เพื่อเร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายอนันต์ อักษรศรี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า โครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะที่ 1 ได้ดำเนินการในช่วงปีงบประมาณ 2550-2554 ตามยุทธศาสตร์กระทรวง ยุทธศาสตร์ที่ 1 แผนงานการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับหมู่บ้าน และยุทธศาสตร์กรมวิชาการเกษตร ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร กลยุทธ์ที่ 1 แก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ด้านการผลิตพืช ทักษะด้านพืช และมีความเข้าใจในกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นนโยบายเร่งด่วนที่เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ.2552
โดยกำหนดให้มีองค์กรถาวร กำกับดูแลการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยึดหลักการสร้างความสมานฉันท์และแนวทาง “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ระยะที่ 2 ได้ดำเนินการในช่วงปีงบประมาณ 2555-2558 โดยการถ่ายทอดและมีผู้ใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน ภายใต้ยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2555-2559) เรื่อง การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกและลดการนำเข้า ซึ่งเป็นกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี การบริหารการผลิตสินค้าเกษตรครบวงจร ตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และมุ่งเน้นแผนงานวิจัยและพัฒนาเชิงรุกโดยระยะที่ 1 ดำเนินงานในพื้นที่ตำบลเป้าหมายโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จำนวน 88 ตำบล 44 อำเภอ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ส่วนระยะที่ 2 ดำเนินการในพื้นที่เป้าหมายดังกล่าว แต่ไม่ดำเนินการในจังหวัดสตูล ระยะที่ 3 ดำเนินการในช่วงปีงบประมาณ 2559-2560 ดำเนินการภายใต้ “โครงการทุ่งยางแดงโมเดล” เพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง พัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่และ คุณภาพชีวิตของประชาชน เป้าหมายการดำเนินงานที่ 1 ครัวเรือนมีอาชีพมั่นคง และมีรายได้เพิ่มขึ้น มีกลยุทธ์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะอาชีพ ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชน และสภาพพื้นที่ มีเป้าหมายในการวิจัยและพัฒนาพืชเศรษฐกิจหลักและพืชท้องถิ่น ที่มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ คือ ยางพารา ลองกอง มังคุด มะพร้าวน้ำหอม ปาล์มน้ำมัน พืชไร่เศรษฐกิจ เห็ด กล้วยหิน ส้มจุก และระบบเกษตรผสมผสานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น
ด้าน นางศรินณา ชูธรรมธัช ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการ สวพ.8 กล่าวว่า ผลการดำเนินงานระยะที่ 1 และระยะ 2 สามารถดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตรตามความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ ได้แก่ ยางพารา ลองกอง และไม้ผลเศรษฐกิจ ปาล์มน้ำมัน พืชไร่เศรษฐกิจ พืชไร่อาหารสัตว์ พืชท้องถิ่น และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 99, 044 ราย ทำให้เกษตรกร เข้าใจ เข้าถึง องค์ความรู้สามารถนำไปปรับใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืช มีเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 33,471 ราย ได้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้แปลงต้นแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืช 19 ชนิด ในพื้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และรือเสาะ และขยายผลเทคโนโลยีการผลิตทางการเกษตรโดยร่วมกับเกษตรกรนำองค์ความรู้ของกรมวิชาการเกษตรไปพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร ด้านยางพารา ลองกอง ปาล์มน้ำมัน ผักไร้ดิน พืชเศรษฐกิจ พืชไร่อาหารสัตว์ และพืชท้องถิ่นในพื้นที่เกษตรกรจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีเกษตรกรร่วมทำแปลงเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตพืชในแปลงเกษตรกร จำนวน 1,605 แปลง พื้นที่ 3,344 ไร่ ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรในแปลงเกษตรกรมีปริมาณและคุณภาพดีขึ้น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนการดำเนินงานระยะที่ 3 ปี 2559 (ไตรมาส 1-2) สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 สามารถดำเนินการโครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่เป้าหมายของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตรตามความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ยางพารา ไม้ผลเศรษฐกิจ ปาล์มน้ำมัน พืชไร่เศรษฐกิจ พืชท้องถิ่น เห็ด เสริมรายได้ และระบบเกษตรผสมผสานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 10, 494 ราย จัดทำแปลงต้นแบบเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชทั้งในพื้นที่แปลงทดลองของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรผลิตพืช 23 ชนิด และแปลงขยายผลเทคโนโลยีการผลิตทางการเกษตรในแปลงเกษตรกรจำนวน 425 แปลง พื้นที่ 2,535 ไร่ ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ผลของการนำองค์ความรู้ของกรมวิชาการเกษตรไปพัฒนา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร ด้านยางพารา
ไม้ผล ปาล์มน้ำมัน ผักไร้ดิน พืชไร่เศรษฐกิจ พืชท้องถิ่น เห็ด และระบบเกษตรผสมผสานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีปริมาณและคุณภาพดีขึ้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน พืชเศรษฐกิจและพืชท้องถิ่น ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ซึ่งจะมีส่วนทำให้เกิดการพัฒนาความเป็นอยู่ ตามนโบายการนำสันติสุขและความปลอดภัยสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป อนึ่งสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 กรมวิชาการเกษตร ได้นำยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้แก้ปัญหาภาคเกษตรกรรมในพื้นที่ อาศัยการมีส่วนรวมและตามความต้องการของประชาชน เกษตรกรสามารถขอข้อมูลเทคโนโลยีการผลิตพืชที่ถูกต้องและเหมาะสมในพื้นที่ เพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รือเสาะ และสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 โทรศัพท์ 0-7444-5905 และ 0-7444-5906
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี