ส่องเกษตร : ลาก่อน...หลงจู๊

ส่องเกษตร : ลาก่อน...หลงจู๊

วันพุธ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag :

การถึงแก่อนิจกรรมอย่างกะทันหันของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มากบารมีทางการเมืองไทยคนหนึ่ง แม้ผลกระทบไม่ถึงขนาดพลิกเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทย แต่สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคการเมืองระดับกลางที่ยังมีบทบาทอยู่มาก ถือได้ว่าได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

และไม่เพียงแต่พรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็น่าจะมีผลกระเทือนมิใช่น้อยเหมือนกัน


เพราะทราบกันดีในหมู่ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯตลอดจนผู้เกี่ยวข้องและสื่อที่ติดตามข่าวกระทรวงนี้อย่างใกล้ชิดว่า นายบรรหารคือผู้มีบารมีเหนือกระทรวงตัวจริง เปรียบดัง“มือที่มองไม่เห็น”ถึงแม้ปัจจุบันจะเป็นยุครัฐบาลทหาร คสช.ที่มีพล.อ.ฉัตรชัยสาลิกัลยะเป็นเจ้ากระทรวงก็ตาม

นายบรรหารได้สร้างบารมีและอิทธิพลที่ฝังรากลึกอยู่ในกระทรวงเกษตรฯมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะในช่วงเกือบสิบปีมานี้

ย้อนดูปูมหลังที่เกี่ยวพันนายบรรหารกับกระทรวงเกษตรฯ พบว่า เขาเริ่มเป็นรมว.เกษตรฯปีพ.ศ.2523 ยุครัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ช่วงเป็นเลขาธิการพรรคชาติไทยจากนั้น พรรคชาติไทยก็ยังได้คุมหรือร่วมบริหารกระทรวงเกษตรฯมาตลอด เช่นนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ จากพรรคชาติไทย เป็นรมว.เกษตรฯยุครัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปี 2539 และนายปองพล อดิเรกสาร จากพรรคชาติไทยเป็นรมว.เกษตรฯยุครัฐบาลชวน หลีกภัย 2 ปี 2540 เป็นต้น ส่วนช่วงที่นายบรรหารในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นนายกรัฐมนตรีปี 2538-2539 แม้ให้โควตาพรรคกิจสังคมนายมนตรี พงษ์พานิช เป็นรมว.เกษตรฯ แต่นายบรรหารก็ส่งนายชาญชัยปทุมารักษ์ ร่วมเป็นรมช.ด้วย

ช่วงรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ปี 2544-2549 ครองเสียงข้างมากเกินครึ่งในสภา แต่ยังดึงเอาพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาล โดยให้โควตาบางกระทรวงและได้ร่วมบริหารกระทรวงเกษตรฯในตำแหน่งรมช.เกษตรฯด้วย เช่น นายนทีขลิบทอง,นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร เป็นต้น

การเข้าคุมอำนาจ สร้างอิทธิพลฝังรากลึกในกระทรวงเกษตรฯอย่างแท้จริง เป็นช่วงตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช,รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อเนื่องถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

โดยรัฐบาลพรรคพลังประชาชนของนายสมัคร สุนทรเวช นอมินีของนายทักษิณชินวัตร ที่เข้ามามีอำนาจหลังเลือกตั้งปี 2551 ได้ดึงพรรคชาติไทยร่วมรัฐบาล ซึ่งนายบรรหารก็ส่งมือขวาคนสนิทอย่าง “เฮียตือ” สมศักดิ์ปริศนานันทกุล เป็นตัวแทนมานั่งรมว.เกษตรฯ และเป็นตัวเดินเกมสร้างอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง แม้“เฮียตือ”อยู่ในตำแหน่งเพียง 1 ปี พรรคชาติไทยก็ถูกพิพากษาให้“ยุบพรรค” และ กรรมการบริหารพรรค ไม่ว่านายบรรหาร รวมถึงเฮียตือ ต่างถูกตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี แต่พรรคใหม่ที่แปลงชื่อเป็น“ชาติไทยพัฒนา”โดยมีนายบรรหารเป็นหัวหน้าตัวจริงอยู่เบื้องหลัง ก็ยังได้เข้าร่วมรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ชินวัตร โดยนายบรรหารส่ง“ร่างทรง” อย่างนายธีระ วงศ์สมุทร อดีตอธิบดีกรมชลประทาน จนถึงนายยุคล ลิ้มแหลมทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ มาเป็นรมว.เกษตรฯ

การบริหารงานโดย “มือที่มองไม่เห็น” ล้วงลูกเข้าไปแทบทุกองคาพยพโดยเฉพาะในการแต่งตั้งโยกย้าย วางตัวบุคคล ซึ่งว่ากันว่าล้วงลึกไปถึงระดับซี 8 และคนเหล่านี้ก็ได้รับการผลักดันเติบโตขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตทำงานสนองตอบแทน โดยยึดถือภาษิตเหมือนนายตำรวจดังบางคนที่ว่า“มีวันนี้เพราะพี่ให้” แต่นี่เป็น“มีวันนี้เพราะหลงจู๊ให้”

ดังนั้น ในยุครัฐบาลคสช.ที่เปลี่ยนรมว.เกษตรฯมาเป็นคนที่ 2 แล้ว ขนาดคนแรกอย่างนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นลูกหม้อ แท้ๆยัง“เอาไม่อยู่” สั่งงานข้าราชการระดับสูงในกระทรวงไม่ค่อยได้ เจอกับ“เกียร์ว่าง”รอเวลาการเมืองเปลี่ยน จนงานไม่เดินเท่าที่ควร กระทั่งนายปีติพงศ์ต้องถูก “ปรับออก” เมื่อพล.อ.ฉัตรชัยเข้ามาเป็นแทน จึงเปลี่ยนหัวขบวนข้าราชการโดยเอาอธิบดีกรมป่าไม้ ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ย้าย “ข้ามห้วย” มาเป็นปลัดกระทรวงฯ หวังแก้ไขเรื่องนี้ ก็ดูจะยังไม่มีอะไรดีขึ้น

มาบัดนี้ สิ้น“หลงจู๊”แล้ว สำหรับข้าราชการระดับสูงในกระทรวงเกษตรฯที่อยู่ในเครือข่ายเหล่านี้ จะปรับเปลี่ยนท่าทีหรือทำให้การสั่งงานในกระทรวงดีขึ้นหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

สุดท้าย มีข้อความที่ผมได้รับจากในไลน์ว่า “เสียใจกับครอบครัวบรรหาร แต่ดีใจกับกระทรวงเกษตรฯที่จะได้เป็นอิสระเสียที”...จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ก็ต้องดูกันต่อไป

สาโรช บุญแสง

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top