28 เม.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้ตนเร่งแก้ปัญหาเด็กออกนอกระบบการศึกษา โดยตนได้หารือกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เพื่อดูแลเด็กที่ออกจากระบบการศึกษาร่วมกันทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงการดูแลเด็กพิการ ที่อยู่ในความดูแลของพม.ด้วย ทั้งนี้ทาง พม.จะไปจัดทำบัญชีเด็กพิการในแต่ละท้องถิ่น ส่งให้ศธ.ที่อยู่ในท้องถิ่นนั้น เพื่อดูว่าจะให้การศึกษาเด็กเหล่านี้อย่างไร นอกจากนั้น ยังสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ทำฐานข้อมูล ตัวเลขเด็กที่ออกกลางคันเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกันทั้งระบบ
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) จะต้องรู้ข้อมูลของตนเองอย่างละเอียด และนำข้อมูลดังกล่าวให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการแก้ปัญหา ซึ่งตนคิดว่า กศจ.จะแก้ปัญหานี้ได้ เพราะมีครบทุกองคาพยพ ทั้งภาคประชาสังคม และภาคประชาชน ที่จะไปช่วยหาแนวทางนำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ โดยเฉพาะ ผู้ปกครองที่ต้องเดินทางไปทำงานในจังหวัดต่าง ๆ และต้องนำลูกติดตามไปด้วย หรือ เด็กที่ต้องอยู่ดูแลพ่อแม่ ก็ต้องมีช่องทางใดช่องทางหนึ่งให้เด็กได้เขาสู่ระบบการศึกษา อาจจะเรียนนอกเวลา หรือช่องทางอื่น ต้องหาให้เขาให้ได้ เพื่อพยายามลดปัญหาเด็กออกนอกระบบกลางศึกษาลง โดยเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัด ในการประเมินผลงานของผู้บริหาร ตั้งแต่ระดับ 11 ลงมาจนถึงผู้บริหารสถานศึกษา
“แต่ก่อนเราจะมองเหมือนกับว่า เป็นหน้าที่ของคนไทยที่จะต้องเข้ารับการศึกษาภาคบังคับ แต่ผมคิดว่า เราจะมองอย่างนั้นไม่ได้แล้ว เพราะคนไทยไม่เหมือนกัน คนยาก คนจน คนมีความจำเป็น ต้องทำมาหากินยังมีอีกเยอะ เราต้องช่วยเขาให้มากกว่าเดิม ซึ่งผมได้ให้การบ้าน องค์กรหลักที่มีสถานศึกษาในสังกัด ไปหาตัวเลขเด็กออกกลางคันมาให้ได้ โดยภายในเปิดเทอมภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 นี้ จะต้องมีตัวเลขเด็กออกกลางคัน หรือตัวเลขเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาที่ชัดเจน เพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ปัญหาร่วมกัน โดยจะประเมินการทำงานในทุก ๆ ครึ่งปี ว่า แต่ละหน่วยงานสามารถแก้ปัญหาได้มากน้อยแค่ไหน และเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัด ในการประเมินผลงานของผู้บริหาร ตั้งแต่ระดับ 11ลงมา จนถึงผู้บริหารสถานศึกษา การทำงานจะต้องมอบความรับผิดชอบลงไป แต่ละระดับ ผู้อำนวยการสถานศึกษา จะต้องรายงานข้อมูลให้ชัดเจนว่าเด็กที่เข้าเรียนในแต่ละปีหายไปบ้างหรือไม่ และหายไปไหน เมื่อรู้แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการช่วยเหลือเด็กเหล่านั้นอย่างไร เพราะถ้าเราขาดการติดต่อแค่นิดเดียว ผู้ปกครองก็จะไม่กล้า นำลูกกลับเข้ามาเรียน ทำให้เด็กออกนอกระบบการศึกษาไปเลย" พล.อ.ดาว์พงษ์
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวด้วยว่า หากดำเนินตามข้อมูลดังกล่าว ทำให้เห็นตัวเลขเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาทั้งหมด เพื่อมาเปรียบเทียบ ตัวเลขของหน่วยงานอื่น ๆ ที่ อาทิ ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและการพัฒนา หรือ World Bank และ ธนาคารพัฒนาเอเชียหรือ ADB ที่มาทำการสำรวจในบ้านเรา เพื่อจะดูรายละเอียดด้วยว่า ตัวเลขเด็กในแต่ละสังกัดมีความซ้ำซ้อนกันหรือไม่ หากซ้ำซ้อน ก็จะมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายรายหัวของเด็กด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี