28 เม.ย. 59 นายสัมพันธุ์ เสริมชีพ ทนายความผู้ได้รับอำนาจมอบหมายจากพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ให้สัมภาษณ์ภายหลังแจ้งความไว้ที่สภ.คลองหลวง ว่า เช็คฉบับดังกล่าวนั้น พ.ต.ท.ปกรณ์ ได้นำมาเอาให้พระธัมมชโยดู และสอบถามรายละเอียดต่างๆ เมื่อวันที่4มิ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันที่คณะดีเอสไอยกทีมกันมาที่วัดโดยสอบถามเรื่องเช็คหลายฉบับจำนวนมากมาย แต่กลับนำเช็คฉบับ100ล้านบาท เพียงฉบับเดียวนำมาให้ดูและถามว่าใช่ลายเซ็นของท่านหรือไม่ ซึ่งพระธัมมชโย ก็ได้ปฏิเสธว่าไม่เคยเห็นเหมือนกับเช็คอีกหลายฉบับที่มีผู้บริจาคมาทำบุญและยืนยันว่าลายเซ็นไม่ใช่ของท่านแน่นอน
"ผมรู้สึกทะแม่งๆ ว่าทำไมดีเอสไอ จึงเจาะจงนำเช็คฉบับนี้ ฉบับเดียวมาถามพระธัมมชโย ทางเราเกรงว่าอาจมีผู้นำไปใช้ ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
โดยการแจ้งความของตนจะมีผลเมื่อพระธัมมชโยปฏิเสธเกี่ยวข้องเช็คฉบับดังกล่าว ก็จะส่งผลให้ผู้นำไปใช้มีความผิดอาญา นำหลักฐานปลอมไปใช้ สำหรับคนนำไปขึ้นเงินหรือเพื่อเป็นหลักฐานทางคดีก็ตาม เพราะหลวงพ่อไม่ได้รับเช็คดังกล่าวจริง
ส่วนกรณีที่วานนี้ (27เม.ย) พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ได้นำหมายเรียกพระธัมมชโย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นครั้งที่3 ในวันที่16พ.ค.นี้ ไปส่งที่วัดพระธรรมกายนั้น นายสัมพันธ์ ปฏิเสธว่ายังไม่เห็นหมายเรียกดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าตนไม่ได้สั่งอะไรคนในวัดไม่ให้เซ็นรับหนังสือหมายเรียก แต่เข้าใจว่าคนในวัดทุกคนคงโกรธที่ดีเอสไอดำเนินคดีพระธัมมชโย จึงอ้างชื่อตนเอง
นายสัมพันธุ์ กล่าวอีกว่า การที่ดีเอสไอส่งหมายเรียกนั้น คงทราบข้อปฏิบัติที่กำหนดไว้ในกฏหมายเกี่ยวกับการส่งหมายเรียกที่จะต้องปฏิบัติอย่างไรและมีผลหรือไม่ เพราะเป็นเจ้าพนักงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เผยสอบผู้รับเช็คสหกรณ์ฯครบ หลักฐานมัด-เบื่อโต้ทนายวัดฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี