โครงการพัฒนาการเกษตรสองฝั่งแม่น้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ขอนแก่น เป็นต้นแบบหนึ่งที่สามารถสร้างการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตถั่วลิสงแบบครบวงจร ก่อให้เกิดรายได้แม้ในช่วงที่เกิดวิกฤติภัยแล้ง
นายสรรเสริญ เสียงใส รักษาการผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรขอนแก่น สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 3 เปิดเผยว่า พื้นที่การเกษตร 2 ฝั่งแม่น้ำชี จ.ขอนแก่น มักประสบปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน และมีสภาพแห้งแล้งมากในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยพสกนิกรในพื้นที่ดังกล่าว จึงทรงพระราชทานแนวพระราชดำริ “ให้จังหวัดขอนแก่นหาวิธีการเก็บน้ำในพื้นที่บริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำชี เพื่อป้องกันน้ำท่วมในฤดูฝนหลาก และนำน้ำมาใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภค และช่วยเหลือการเพาะปลูกในฤดูแล้งแก่เกษตรกร” โดยหน่วยงานในจังหวัดได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติจัดทำ “โครงการการพัฒนาการเกษตรสองฝั่งแม่น้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ขอนแก่น” ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมาเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้การเกษตรเชิงระบบสร้างความมั่นคงด้านอาชีพ พัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของชุมชนเกษตร
โดยสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรขอนแก่น กรมวิชาการเกษตร ได้ทดสอบปลูกพืชไร่ที่มีศักยภาพในการปลูกหลังนาชนิดต่างๆ ในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น พบว่า ถั่วลิสงพันธุ์ขอนแก่น 5 และขอนแก่น 6 ของกรมวิชาการเกษตร สามารถปรับตัวได้ดีและให้ผลผลิตฝักแห้งเฉลี่ย 373 และ 393 กก.ต่อไร่
ซึ่งเป็นผลผลิตที่สูงและเป็นที่ยอมรับของเกษตรกร จึงมีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นมาเป็นลำดับ
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรขอนแก่น ยังได้พัฒนาระบบการผลิตถั่วลิสงของเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ครบวงจรอย่างยั่งยืน โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการแหล่งผลิตถั่วลิสงดีที่เหมาะสม (GAP) การผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงไว้ใช้เองและการแปรรูป รวมทั้งขยายผลออกไปสู่พื้นที่อื่น ซึ่งสามารถยกระดับผลผลิตฝักแห้งของ
ถั่วลิสงพันธุ์ขอนแก่น 6 จาก 393 กก.ต่อไร่เป็นเฉลี่ย 546 กก.ต่อไร่ เกษตรกรมีรายได้ประมาณไร่ละ 10,000 บาท และบางส่วนได้ทำการแปรรูปถั่วลิสงสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง โดยในปี 2555-2556 มีการขยายผลเทคโนโลยีการผลิตถั่วลิสงเป็นพืชหลังนาเพิ่มเติมไปยังเกษตรกรต้นแบบ อ.แวงน้อย อ.มัญจาคีรี และ อ.ชนบท ส่งผลให้มีเกษตรกรผู้ผลิตถั่วลิสงบริเวณสองฝั่งแม่น้ำชี รวม 180 ราย
นายสรรเสริญกล่าวเพิ่มเติมว่าในสภาวะปัจจุบันที่เกิดปัญหาภัยแล้ง จึงมีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชน้ำน้อยโดยเฉพาะถั่วลิสงพื้นที่นาข้าว 2 ฝั่งแม่น้ำชีเพื่อทดแทนรายได้ช่วงที่ปลูกข้าวไม่ได้ เนื่องจากพืชตระกูลถั่วเป็นพืชปรับปรุงบำรุงดินเมื่อเก็บผลผลิตเสร็จแล้วไถกลบจะกลายเป็นปุ๋ยพืชสด สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ช่วยลดต้นทุนการผลิตในการปลูกข้าวฤดูต่อไปได้ด้วย โดยเศษซากพืชตระกูลถั่วเมื่อไถกลบลงดิน จะได้ปุ๋ยไนโตรเจน ปริมาณ 6 กก.ต่อไร่ จึงช่วยลดการใช้ปุ๋ยยูเรียลงได้ครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ ปุ๋ยอินทรีย์จากเศษซากพืชจะช่วยปรับโครงสร้างดินทำให้ดินร่วนซุย รากของพืชจะสามารถหาธาตุอาหารได้ดียิ่งขึ้น สร้างการเจริญเติบโตของพืช ทำให้ผลผลิตพืชหลักดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภัยแล้งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อปริมาณเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากเกษตรกรที่เคยปลูก
ถั่วลิสง 2 ฝั่งแม่น้ำชี เดิมมีอยู่ประมาณ 100-150 คน พื้นที่ปลูก 200-260 ไร่ ผลิตถั่วลิสงฝักสดได้ 15-20 ตันต่อปี แต่ปีนี้มีปัญหาขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้พื้นที่ปลูกถั่วลิสงลดลงเหลือเพียง 30-50 ไร่ คาดว่าผลผลิตจะลดลงเหลือประมาณ 2-4 ตันต่อปี ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน
ฉะนั้น นอกจากการส่งเสริมปลูกถั่วลิสงเพื่อสร้างรายได้ทดแทนการทำนา ลดผลกระทบช่วงฤดูแล้งให้กับเกษตรกรแล้ว ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรขอนแก่น ยังได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงคุณภาพ เพื่อให้เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรที่มีศักยภาพได้ผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ปลูกในฤดูถัดไป หรือจำหน่ายให้เกษตรกรรายอื่น เป็นการสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง
แม้ภัยแล้งจะสร้างผลกระทบต่อเกษตรกร ทำให้ทำการเพาะปลูกได้ไม่เต็มที่แต่ผลกระทบด้านบวกที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเมื่อปริมาณผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ราคาที่สูงขึ้น เช่น เดิมเกษตรกรจะขายผลผลิตถั่วลิสง ถ้าเป็นฝักสด ขายได้ 18-20 บาทต่อกก. ปีนี้ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 20-25 บาทต่อกก. ขณะที่ฝักแห้ง ขายได้ 28-30 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นเป็น 30-35 บาทต่อกก. แต่เกษตรกรควรคำนึงถึงคุณภาพของผลผลิต โดยเฉพาะการผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ต้องมีคุณภาพดี ตรงความต้องการของตลาด เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรในการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้มากขึ้นนั่นเอง
หากเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรที่สนใจเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรขอนแก่น 343 ม.15 ถ.ท่าพระ-โกสุมพิสัย ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โทรศัพท์/โทรสาร 0-4326-1504 e-mail : kkhs3@hotmail.com www.khonkaendoa.com www.facebook.com/khonkaendoa หรือหน่วยงานในสังกัดกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี