นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อสัตว์สู่คนร้ายแรง ผู้ติดเชื้อและแสดงอาการแล้วเสียชีวิตทุกราย โดยผู้เสียชีวิตกว่าร้อยละ 80 ถูกสุนัขเลี้ยงเองและสุนัขเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคกัดหรือข่วน ทั้งนี้ ตามพ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ.2558 กำหนดให้โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวังและแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งสำนักระบาดวิทยาได้มีการเฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องโรค การป้องกันและสถิติผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขไม่เคยปิดบังตัวเลข ล่าสุดปี 2559 มีผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า 3 ราย จากการสอบสวนพบว่า ไม่ไปพบแพทย์หลังถูกสุนัขหรือแมวกัดข่วน ส่วน
ปี 2558 มีรายงานผู้เสียชีวิต 5 ราย
ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ร่วมกับกรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการป้องกันควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่พื้นที่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้าตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกและองค์กรโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศภายในปี 2563 โดยมีมาตรการเฝ้าระวังค้นหาโรคอย่างทั่วถึง ควบคุมการนำสัตว์เข้ามาในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคในสุนัข และการฉีดวัคซีนในคนเมื่อถูกกัดข่วน เป็นต้น หากพบเห็นสัตว์ที่สงสัยป่วย มีอาการ หางตก เดินโซเซ น้ำลายย้อย ลิ้นห้อย ตาขวาง หรือพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เซื่องซึม ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หรือผู้นำชุมชนทันที
นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สัตว์นำโรคพิษสุนัขบ้ากว่าร้อยละ 95คือ สุนัข รองลงมาคือ แมว สามารถตรวจพบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในน้ำลายได้ 1-7 วัน ก่อนแสดงอาการ ทั้งนี้ โอกาสที่คนจะติดเชื้อหลังถูกสัตว์ที่ป่วยหรือมีเชื้อโรคกัดหรือข่วน ขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อโรคที่เข้าไปในร่างกาย ตำแหน่งที่ถูกกัด เช่น ศีรษะ อายุ เช่น เด็กและผู้สูงอายุ จะมีความต้านทานต่อโรคต่ำกว่าหนุ่มสาว และสายพันธุ์ของเชื้อ ระยะฟักตัวของโรค มีตั้งแต่สัปดาห์หรืออาจนานเกิน 1 ปี อาการเริ่มแรก คือ เบื่ออาหาร เจ็บคอ มีไข้ อ่อนเพลีย คันรุนแรงบริเวณที่ถูกกัดและลามไปส่วนอื่น กระสับกระส่าย กลัวแสง กลัวลม ไม่ชอบเสียงดัง กลืนลำบาก โดยเฉพาะของเหลว กลัวน้ำ ปวดท้องน้อยและกล้ามเนื้อขากระตุก แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หรืออาจชัก เกร็งอัมพาต หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี