ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่ทวีความรุนแรง และขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ชัยนาท ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่จำเป็นต้องงดทำการเพาะปลูกเพราะไม่มีน้ำเพียงพอ แต่ยังมีเกษตรกรอีกกลุ่มหนึ่งใน อ.สรรพยา หันมาปลูกพริกด้วยระบบน้ำหยด ที่ชาวบ้านบอกว่ารายได้ดีกว่าการทำนา
นางสุภาพร โฮงยู อายุ อายุ45 ปี เกษตรกรใน อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า ได้เปลี่ยนจากการทำนาปรังมาเป็นการยกร่องปลูกพริกพันธุ์ซุปเปอร์ฮอต บนเนื้อที่ 1 ไร่ หลังพื้นที่ อ.สรรพยา ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก แต่ได้รับการชักชวนจากผู้นำท้องถิ่นให้เข้าร่วมศึกษาดูงานการปลูกพริกด้วยระบบน้ำหยด ซึ่งในครั้งแรกต้องมีการลงทุนทั้งหมดทั้งค่ายกร่อง ค่าต้นพันธุ์และค่าอุปกรณ์ระบบน้ำหยด รวมประมาณ10,000 บาท และทำให้พบข้อดีของการใช้ระบบน้ำหยด คือ ประหยัดน้ำ รวมถึงประหยัดต้นทุนการสูบน้ำด้วย การให้ปุ๋ยก็ทำได้ง่ายเพียงผสมปุ๋ยลงในถังระบบน้ำแล้วเปิดวาล์วให้ปุ๋ยผสมน้ำหยดลงโคนต้นวันละ 30-40 นาที โดยไม่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากเหมือนการให้ปุ๋ยแบบใช้คนหว่านทั่วๆ ไป
นางสุภาพรกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่ออายุครบ 90 วัน พริกพันธุ์ซุปเปอร์ฮอตในแปลงก็สุกแดงสามารถเก็บขายได้ โดยสหกรณ์การเกษตรวิถีพอเพียงเจ้าพระยา จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 40-45 บาท เพื่อรวบรวมส่งต่อให้กับบริษัทแปรรูปต่อไป ซึ่งในแต่ละวันสวนของนางสุภาพรจะสามารถเก็บพริกได้ 40-50 กิโลกรัม หรือมีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,600-2,200 บาท โดยอายุของพริกโดยเฉลี่ยจะมีผลผลิตถึง 3,000 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ หรือสามารถสร้างรายได้มากถึง 120,000 บาท และเมื่อหักต้นทุนสุทธิแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี