ขู่บุกจับ“ธัมมชโย”ถึงวัด
อัยการกร้าว
26พค.เบี้ยวเจอหมายค้น
ถ้าลูกศิษย์วุ่นวายจะค้านประกัน
ดีเอสไอลุยฟันก๊วนใบรับรองเก๊
“ผอ.รพ.”แฉซ้ำไร้ประวัติคนไข้
ธรรมกายสารภาพไม่ได้ตรวจจริง
ความคืบหน้ากรณีทนายของ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นำใบรับรองแพทย์ของ รพ.ค่ายภาณุรังษี จ.ราชบุรี ซึ่งมี พ.ท.ศิริพงษ์ พัฒนพิสุทธิ์ รอง ผอ.รพ.ค่ายภาณุรังษี เป็นผู้ลงนาม โดยอ้างอาการป่วยอย่างหนักของ พระธัมมชโย ไปยื่นต่อพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอเลื่อนการเข้ารับข้อกล่าวหาคดีสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร แต่ถูกดีเอสไอปฏิเสธกระทั่งถูกศาลออกหมายจับ และยังมีการตรวจสอบพบว่า ใบรับรองแพทย์ดังกล่าวเป็นการนำตัวขั้วมาออกเองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก พระธัมมชโย ไม่ได้เดินทางมาเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลจริง ซึ่งทำให้เข้าข่ายการยื่นเอกสารเท็จต่อทางราชการ และทำให้มณฑลทหารบกที่ 16 (มทบ.16) หน่วยงานต้นสังกัดของ รพ.ค่ายภาณุรังษี สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาผิดกับผู้ออกเอกสารดังกล่าวโดยมิชอบทันทีนั้น
วัดสารภาพ“ธัมมชโย”ไม่ได้ไปรพ.
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จงปทุมธานี ได้ออกมาชี้แจงกรณี ผอ.รพ.ค่ายภานุรังษี ยืนยันใบรับรองแพทย์ของ พระธัมมชโย เป็นเอกสารเท็จว่า ย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่า พระธัมมชโย อยู่ที่วัดพระธรรมกาย ตลอดเวลาตามที่เคยให้ข้อมูลและแถลงต่อสื่อมวลชนไป หลวงพ่อท่านมีอาการอาพาธอย่างเรื้อรังต่อเนื่อง มีแพทย์ดูแลประจำตลอด 24 ชม. พร้อมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์และรถกู้ชีพฉุกเฉิน
อ้างหมอมาตรวจให้ถึงในวัด
“เอกสารใบรับรองแพทย์ที่ออกจาก รพ.ค่ายภาณุรังษี นั้น คณะแพทย์ได้เดินทางมาตรวจ พระธัมมชโย จริงๆ ขอยืนยันว่า พระธัมมชโย เป็นผู้บริสุทธิ์ และวัดก็พร้อมหากดีเอสไอจะนำทีมแพทย์เข้ามาตรวจอาการป่วยของ พระธัมมชโย และยินดีตอบข้อสงสัยในทุกกรณี” พระมหานพพร กล่าว
ผอ.ยันใบรับรองแพทย์ไม่ใช่ของรพ.
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา พ.อ.ณรงค์ ภักดีศุภผล ผอ.รพ.ค่ายภาณุรังษี จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า ใบรับรองแพทย์ที่ออกให้ พระธัมมชโย ไม่ใช่ของโรงพยาบาลแน่นอน แม้แบบฟอร์มเอกสารจะเป็นของโรงพยาบาลจริง แต่ขั้นตอนกระบวนการนำไปใช้ไม่ถูกต้อง เพราะ 1.ไม่มีคนไข้มาตรวจ 2.ประวัติการรักษาไม่เคยมีมาก่อน เพราะโรคที่ พระธัมมชโย อ้างว่าป่วยนั้น เป็นโรคร้ายแรง ถ้าเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลจะต้องมีการตรวจรักษามาก่อน ต้องมีการตรวจกับแพทย์และต้องมีประวัติการรับยา
“เรายืนยันโรงพยาบาลไม่มีผู้ป่วยรายชื่อดังกล่าวนี้ และเอกสารใบรับรองแพทย์ก็ไม่ถือว่าเป็นของโรงพยาบาล เพราะการดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอน ส่วนจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องที่มีการนำเอกสารของโรงพยาบาลไปใช้หรือไม่ เรื่องนี้ถือเป็นการกระทำส่วนบุคคลและนอกเวลาราชการ ซึ่งทางสายบังคับบัญชาจะเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้” ผอ.รพ.ค่ายภาณุรังษี กล่าว
“แพทยสภา”พร้อมตรวจสอบ
ด้าน นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า การออกใบรับรองแพทย์ไม่ว่าจะกรณีใดก็ต้องระบุตามความเป็นจริงหากให้ข้อมูลเท็จจะถือว่ามีความผิด ส่วนบทลงโทษนั้น มีตั้งแต่การพักใช้ใบอนุญาตไปจนถึงการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพศิลปะ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายรณี ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าใบรับรองแพทย์ของ พระธัมมชโย มีความผิดปกตินั้น เนื่องจากยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แพทยสภาจึงไม่สามารถไปดำเนินการอะไรได้ แต่หากมีการร้องเรียนเข้ามา แพทยสภาก็ยินดีเข้าไปตรวจสอบ
ย้ำออกใบรับรองเป็นเท็จไม่ได้
นพ.สัมพันธุ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า หากการออกใบรับรองแพทย์โดยวินิจฉัยผิดนั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หลักการสำคัญของการใบรับรองแพทย์ คือ ห้ามออกใบรับรองที่เป็นเท็จซึ่งไม่ตรงความจริง รวมทั้งมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ เช่น การออกใบรับรองโดยทุจริตเพื่อประโยชน์ตนเองหรือพวกพ้อง
เปิดทางร้อง-ย้ำไม่ปล่อยผ่าน
ทั้งนี้สำหรับกรณีของ พระธัมมชโย เชื่อว่า จะต้องมีผู้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการแพทยสภาให้พิจารณาอย่างแน่นอน ซึ่งขอยืนยันว่าแพทยสภาจะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน จะต้องมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของแพทยสภา ซึ่งการพิจารณาโทษมี 4 ระดับ เริ่มตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต 1 เดือนถึง 2 ปี และถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ ขณะที่การพิจารณาไม่ใช้ระยะเวลานานมาก เพราะเรื่องนี้ไม่มีความซับซ้อนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ตนเองเห็นว่าอย่าเพิ่งตัดสินหรือปรักปรำไปก่อน เพราะควรให้ผู้เกี่ยวข้องได้มีโอกาสชี้แจงเสียก่อน
“ดีเอสไอ”ฮึ่มฟันยื่นเอกสารเท็จ
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากดีเอสไอแจ้งว่า กรณีที่เกิดขึ้น ดีเอสไอ ได้รับการยืนยันจาก ผอ.รพ.ค่ายภาณุรังษี ว่า ใบรับรองแพทย์ที่ทนายความของ พระธัมมชโย นำมายื่นเพื่อขอเลื่อนรับทราบข้อหา เป็นการออกเอกสารที่ไม่ถูกต้องและไม่ถือเป็นเอกสารทางราชการ ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังเตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการยื่นเรื่องกับหน่วยงานต่างๆ ให้เอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ใช้เอกสารเท็จ
เบี้ยวรับข้อหาเจอระดมกำลังจับ
ส่วนการดำเนินการจับกุม พระธัมมชโย ตามหมายจับนั้น รายงานข่าวระบุว่า หลังจากศาลอาญาออกหมายจับแล้ว พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ก็มีหน้าที่ต้องดำเนินการตามหมายศาลเพื่อให้ตัวมาดำเนินคดี แต่ในการให้ได้ตัวมานั้น จะยึดหลักกการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกับลูกศิษย์ ทั้งนี้หากครบเวลาในวันที่ 26 พฤษภาคม พระธัมมชโย ยังไม่ยอมมารับทราบข้อหาโดยไม่มีเหตุอันสมควร ดีเอสไอก็ต้องใช้อำนาจของเจ้าพนักงานตามที่กฏหมายระบุไว้ เพื่อนำตัว พระธัมมชโย มาดำเนินคดีให้ได้ โดยดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายดีเอสไอ ที่ให้อำนาจพิเศษขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ มาทำงานร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะดีเอสไอหน่วยงานเดียวแล้ว
ขณะที่ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ เปิดเผยเพียงว่า ในวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม จะมีการนัดประชุมหารือกันของคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาวางแผนแนวทางการทำงานของดีเอสไอในคดีดังกล่าว
ประสานสตม.สกัดเผ่นออกนอก
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าว พระธัมมชโย เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศว่า ดีเอสไอได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา หรือหลังศาลออกหมายจับเพียง 1 วัน เพื่อช่วยติดตามจับตา ดังนั้น พระธัมมชโย จะไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้แน่นอน เพราะหากมีการเดินทางออกประเทศผ่านด่าน ก็จะถูกอายัดจับกุมตัวทันที
สตม.ยันหนีไม่ได้ง่ายๆแน่
ด้าน พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. เปิดเผยว่า สำหรับบุคคลที่ศาลออกหมายจับแล้ว เช่นกรณี พระธัมมชดย เมื่อดีเอสไอประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้นำข้อมูลบุคคลดังกล่าวเข้าสู่ระบบข้อมูลผู้มีหมายจับแล้ว ข้อมูลดังกล่าวก็จะเชื่อมโยงมายังระบบข้อมูลสื่อสารของ สตม. ทั่วประเทศโดยอัตโนมัติ ดังนั้นหากบุคคลใดที่ศาลออกหมายจับเดินทางออกนอกประเทศโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ระบบจะแจ้งเตือนทันที ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางผ่านท่าอากาศยาน ทางน้ำ หรือทางบก ขอให้วางใจได้จะไม่สามารถรอดพ้นไปได้แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อ-นามสกุลก็ตาม ยกเว้นจะมีการปลอมแปลงเอกสารเดินทางแต่เครื่องก็ตรวจสอบทราบอีกเช่นกันว่าเป็นหลักฐานปลอม
“ไพบูลย์”ปูดแผนลี้ภัยสหรัฐ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยกรณี พระนพดล สิริวํโส แห่งวัดพระธรรมกาย โพสต์ข้อความผ่านหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวปลุกระดมลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกาย ให้ร่วมลงชื่อในหน้าเว็บไซต์ของทำเนียบขาว 100,000 รายชื่อ เรียกร้องให้ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ช่วยเหลือ พระธัมมชโย ว่า ทราบว่า ก่อนหน้านี้มีแผนที่อยากจะให้พระธัมมชโยไปขอลี้ภัยที่สหรัฐ ตอนนี้จึงเตรียมภาพลักษณ์ให้เหมือนกับว่าเป็นเรื่องทางการเมืองภายในประเทศ ไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับการเมืองต่างๆ การล่ารายชื่อ 1 แสนชื่อ ก็เพื่อนำไปประกอบข้อมูล
ซัดผิดเข้าข่ายอาชญากรรมระหว่างปท.
อย่างไรก็ตาม ความผิดของ พระธัมมชโย นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง เพราะเป็นข้อหาที่โยงกับคดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด เนื่องจาก พระธัมมชโย ไปรับเช็คเงินที่ฉ้อโกงมาจากกลุ่มผู้ต้องหา จึงถูกกล่าวหาว่ามีการสนับสนุนและร่วมการฟอกเงินหรือการรับของโจร สรุปว่าร่วมกันกระทำผิดในคดีที่ทุจริตเงินฝากของประชาชนในสหกรณ์ มูลคดีที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดสากลที่ สหประชาชาติ ประกาศให้การทุจริตคอรัปชั่นเท่ากับอาชญากรรมระหว่างประเทศ ถ้าใครให้ลี้ภัยก็จะต้องถูกโจมตีอย่างหนักแน่นอน
อัยการถกดีเอสไอจับ“ธัมมชโย”
วันเดียวกัน นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักการสอบสวน ซึ่งเป็นคณะทำงานร่วมกับดีเอสไอสอบสวนคดีทุจริต สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในวันที่ 23-24 พฤษภาคม คณะทำงานจะประชุมร่วมกันว่า หากพระธัมมชโยไม่มารับทราบข้อกล่าวหา เราจะใช้วิธีการหรือดำเนินการอย่างไร แต่หลักใหญ่ๆ จะไม่มีการใช้กำลัง หากต้องเข้าไปที่วัดจริงเราจะเข้าไปอย่างมีเกียรติ ไม่มีการพกอาวุธ มีคนเข้าไปเท่าที่จำเป็น แต่ทั้งนี้ยังหวังว่า พระธัมมชโย จะมารายงานตัวที่ดีเอสไอในวันที่ 26 พฤษภาคม ซึ่งยืนยันว่าจะได้รับการประกันตัวอย่างแน่นอน
งัดหมายค้นบุกถึงวัด-ค้านประกัน
แต่หากพระธัมชโยไม่มารายงานตัว แล้วภายหลังเมื่อคณะทำงานเข้าไปที่วัดและเกิดเหตุรุนแรงขึ้น มาตรการต่างๆของคณะทำงานก็จะต้องเปลี่ยนไป อย่างน้อยก็ต้องมีการค้นตามหมาย ซึ่งแม้เหตุรุนแรงไม่ได้มาจากตัวพระธัมมชโยแต่มาจากลูกศิษย์ ก็อาจะต้องมีการคัดค้านการประกันตัวขึถึงตรงนั้นพระธัมมชโยก็จะต้องเดินทางไปที่ศาลอาญาเพื่อประกันตัว
“ถ้าวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ท่านไม่มา เเละจะต้องมีการเข้าไปในวัด ผมก็จะเข้าไปด้วยและไม่หวั่นเกรงกับการที่เราจะเข้าไปจับกุมบุคคล โดยเราจะขอหมายค้นและเข้าไปอย่างสุภาพบุรุษ เมื่อเราเข้าไปตามหมายจับและมีหมายค้นแล้วสามารถแจ้งข้อกล่าวหาในวัดได้เลย แต่ทั้งนี้ต้องรอสรุปจากที่ประชุมก่อนว่าการดำเนินการจะเป้นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้เกิดคือความรุนแรง” นายขจรศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี