วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
อย่าชะล่าใจ
รัฐบาลเตือนเกษตรกร
เร่งทำนาเสี่ยงฝนทิ้งช่วง
แนะเก็บน้ำใช้ยามฉุกเฉิน
อุตุย้ำทุกภาคเจอฝนหนัก
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศ 7 วันข้างหน้าว่า ระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคม ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้
สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน คลื่นมีกำลังแรงขึ้นบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ข้อควรระวังช่วงวันที่ 22-28 พฤษภาคม ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยาช่วงวันที่ 22-28 พฤษภาคม ลมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและอ่าวไทย ประกอบกับมีกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาร์เคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ พายุไซโคลน “โรอานู” (ROANU) เคลื่อนขึ้นฝั่งและอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว ปกคลุมด้านตะวันตกของเมียนมาร์
ระนองไฟดับ-รร.หลังคาปลิว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ในพื้นที่หมู่ 3 ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง ทำให้ต้นไม้ใหญ่ถูกลมพัดหักโค่นล้มทับสายไฟ ส่งผลให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ทำให้อาคารเรียน 3 ชั้น ของวิทยาลัยเทคนิคระนองเสียหาย หลังคาชั้นบนปลิวไปตามลมห้องเรียนเกือบทุกห้องเสียหายหนัก นอกจากนี้ ยังมีบ้านเรือนประชาชนอีกกว่า 30 หลังคาเรือนเสียหายจากพายุพัดถล่มครั้งนี้ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าระนองลงพื้นที่ติดตั้งเสาไฟฟ้าแก้ไขให้ไฟกลับมาใช้งานได้แล้ว ขณะที่ด.ต.ประนอม รอดแคล้ว นายกเทศบาลตำบลบางนอนลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนต่อไป
ภูเก็ตพายุฝนถล่ม-คลื่นแรง
วันเดียวกัน บรรยากาศในจ.ภูเก็ตมีฝนตกหนักส่งผลให้การจราจรติดขัด ขณะที่ทะเลมีคลื่นลมแรง เรือเล็กไม่สามารถออกจากฝั่งได้ ต้องจอดลอยลำหลบคลื่นลม ส่วนที่ออกไปก่อนหน้าที่จะเกิดฝนตกหนักเร่งนำเรือกลับเข้าฝั่ง เช่น ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีชาวประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ขนาดเล็กไม่เกิน 20 ตัน นำเรือเกือบ 100 ลำ เข้ามาหลบจอดภายในคลองบางใหญ่ พร้อมทั้งตรวจเช็กอุปกรณ์และระบบน้ำในเรือ
นอกจากนี้ หลายพื้นที่มีกระแสลมแรงพัดต้นไม้หักโค่นลงบนถนนหลายจุด เช่น ที่บ้านเขาขาด ต.วิชิต อ.เมือง ต้นไม้หักโค่นทับรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่ขับผ่านมา ทำให้ได้รับบาดเจ็บ
เตือนเกษตรกรเก็บน้ำอย่าเร่งทำนา
ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน หลายพื้นที่มีฝนตก แต่โดยรวมยังไม่ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นในระดับที่วางใจได้ หรือสามารถปล่อยน้ำให้ประชาชนใช้เพื่ออุปโภคบริโภคหรือทำการเกษตรได้ไม่จำกัด เพราะที่ผ่านมาเราต้องเจอสภาพแห้งแล้งมานาน ล่าสุดมีปริมาณน้ำใช้การได้ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง รวมกันเพียงร้อยละ 17-18 เท่านั้น
“รัฐบาลจึงอยากให้ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรอย่าชะล่าใจ ใช้โอกาสที่ฝนตกลงมาช่วงนี้ เก็บน้ำไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เพราะไม่อาจคาดการณ์ได้ 100% โดยการขุดบ่อหรือเตรียมพื้นที่รองรับน้ำให้เพียงพอกับที่ดินของตนเอง รวมทั้งวางแผนเพาะปลูกให้ดี บางพื้นที่เร่งทำนาช่วงต้นฤดูฝนอาจเสี่ยงต่อการเกิดฝนทิ้งช่วง ซึ่งมักเกิดขึ้นช่วงปลายเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมของทุกปี ดังนั้น จึงไม่ควรผลีผลามใช้น้ำมาก ควรใช้เท่าที่จำเป็นและกักตุนไว้ หรือปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ทำรายได้ดี ไปอีกสักระยะ”พล.ต.สรรเสริญกล่าว
และว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะจังหวัดที่ประสบพายุไซโคลนและฝนตกหนัก ทำให้บ้านเรือนและสิ่งปลูกเสียหาย พร้อมกำชับหน่วยราชการ ทหาร ฝ่ายปกครองให้ดูแลช่วยเหลือประชาชน พร้อมกันนี้ นายกฯยังฝากเตือนด้วยว่า ทุกคนยังต้องใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เพราะแม้ฝนจะตกลงมาแล้ว แต่เรื่องธรรมชาติไม่มีใครรู้ล่วงหน้า จึงต้องรู้จักเตรียมการขณะที่รัฐบาลเองยังคงเดินหน้ามาตรการขุด ลอก คูคลองหนองบึงที่ตื้นเขิน เพื่อเพิ่มปริมาตรแหล่งเก็บกักน้ำทั่วประเทศ และช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้
ไฟป่านราฯคุมสถานการณ์ได้แล้ว
ความคืบหน้าสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง ที่จ.นราธิวาส นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสเปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. จัดชุดเฝ้าระวังสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในอ.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงปาดี และอ.บาเจาะ พร้อมทั้งลาดตระเวนตรวจตราเพื่อป้องกันการทำผิดในพื้นที่ ส่วนอ.ยี่งอและอ.ตากใบ สามารถควบคุมจำกัดพื้นที่ได้แล้ว แต่ยังคงจัดชุดเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟที่อยู่ใต้ดิน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีฝนฟ้าคะนองประมาณร้อยละ 30-40 โดยเฉพาะอ.สุไหงปาดี และอ.สุไหงโก-ลก มีฝนตกปานกลาง สร้างความชุ่มชื้นทำให้สถานการณ์ไฟไหม้เบาบางลงและสามารถยุติสถานการณ์ได้
ป่าพรุ-ป่าสงวนฯเสียหาย1,705ไร่
ส่วนความเสียหายเบื้องต้น นายสิทธิชัยกล่าวว่า ไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง 990 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติ 715 ไร่ รวม 1,705 ไร่ ป่าอนุรักษ์ 20% ของนิคมสหกรณ์บาเจาะ 120 ไร่ และพื้นที่ป่าเอกชน 2,049 ไร่ รวมความเสียหายใน 6 อำเภอ 3,874 ไร่ ส่วนมาตรการที่จะดำเนินการต่อไป ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่เสียหาย ได้สั่งการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนราธิวาส ดำเนินการดำเนินคดีกับผู้ทำผิดอย่างจริงจัง รวมถึงให้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอประสานสถานีตำรวจภูธรเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด
สำหรับพื้นที่ความเสียหายของเอกชน อาทิ สวนยางพารา ให้คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) ให้ความช่วยเหลือ และขณะนี้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงสงขลาได้ปรับแผนฝนหลวงจากการช่วยเหลือพื้นที่ป่าพรุโต๊แดง เป็นการช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นทำฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี