หากย้อนรอยไปในอดีตเมื่อ 126 ที่ผ่านมาพระพุทธเจ้าหลวง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินประพาสต้นมายังจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม โดยที่ขณะนั้นตามเอกสารบ่งบอกให้ทราบว่า วันที่ 7 พฤษภาคม 2433 พระองค์ได้เสด็จออกจากเกาะลันตา จ.กระบี่ เวลา 3 โมงครึ่ง มาถึงปากอ่าว ระหว่างเกาะลิยาง (เกาะเหลาเหลียง) และเกาะลิบอง เรือเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เนื่องจากตามข้างร่องมีหินมาก เวลา 5 โมงเศษ ทอดสมอเรือที่หัวเกาะลิบอง จากนั้นเสด็จลงเรืออุทัยราชกิจ ไปตามลำน้ำ ผ่าน่านควนราชสีห์ ต่อขึ้นไปถึงบ้านย่านซื่อ ควนตูลูลู้ด (หินกอง)กระทั่งถึงท่าแก้มดำ และถึงท่าที่จะขึ้นควนธานี จอดเรือที่ท่าหัวไทร
เสด็จฯโดยการเดินเท้าไปยังพลับพลาข้างวัดควนธานี และมีทางตัดลงไปที่ท่าแก้มดำอีกทางหนึ่ง ที่ริมทางศาลหลักเมืองตรัง เสด็จประทับที่พลับพลาข้างวัดควนธานี 1 คืนรุ่งขึ้นวันที่ 8 พฤษภาคม เสด็จออกจากพลับพลาไปที่วัดควนธานี พร้อมแต่งตั้ง ปลัดเอี่ยมเจ้าอธิการวัดควนธานี เป็นพระครูอนาคารคุณธำรง รองเจ้าคณะจังหวัดตรัง จากนั้นพบชาวจีนที่มาจากทับเที่ยง ลงเรือที่ท่าเรือหัวไทร เสด็จไปยังลังกาวี
หลังจากที่พระองค์เสด็จประพาสแล้ว ทรงเห็นว่า เมืองควนธานีทรุดโทรมมาก จึงโปรดเกล้าให้พระอัษฎงคตทิศรักษา (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เจ้าเมืองกะมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ที่ตำบลควนธานี ต่อมาได้รับการบรรดาศักดิ์ใหม่เป็น พระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี พระยารัษฎาได้ทรงวางแนทางการพัฒนาเมืองที่ควนธานี มากมาย และด้วยเหตุผลหลายประการ ในปี 2436 พระยารัษฎากราบบังคมทูลขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาตย้ายเมืองตรัง จาก “ควนธานี” ไปตั้งเมืองใหม่ที่ “กันตัง” รวมระยะเวลา
“เมืองควนธานี” เป็นเมืองหลวงของจังหวัดตรัง 13 ปี
จากเมืองหลวง “ควนธานี” สู่เมืองหลวง “กันตัง” อันเป็นเมืองท่าสำคัญเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่ต้องผ่านเส้นทาง “รถไฟ” สุดสายทะเลอันดามัน และ “ต้นยางพารา” ต้นแรก ที่เจ้าเมืองในขณะนั้น “พระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี คอซิมบี้ ณ ระนอง นำมาปลูกจนกลางเป็นพื้นเศรษฐิจที่สร้างรายได้ให้กับชาวสวนยางพาราและประเทศ อย่างมหาศาลในขณะนี้
ที่สุดจากเมืองท่าสำคัญ “ควนธานี” ก็มีการย้ายเมืองหลวงมายัง “เมืองทับเที่ยง” อ.เมือง จ.ตรัง จนถึงปัจจุบัน เนื่องจาก “ควนธานี” เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของจังหวัดตรัง ในทุกๆ ปีท่านมา ทาง “จังหวัดและองค์การบริหารส่วนตำบลควนธานี” จะจัดให้มีการจัดงานสมโภชศาลหลักเมืองตรัง
ในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน “ทางจังหวัดตรัง และองค์การบริหารส่วนตำบลควนธานี” จัดให้มีการสมโภชศาลหลักเมืองตรัง ครบรอบ 205 ปี
โดยที่ นายนิวัฒน์ ชลธาร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลควนธานี อ.กันตัง จ.ตรัง กล่าวว่า การจัดงานสมโภชศาลหลักเมืองตรัง ทางองค์การบริหารส่วนตำบลควนธานี เป็นประจำทุกปี ซึ่งในปีนี้ ครบรอบ 205 ปีร่วมกันเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ประชาชนทั่วหล้าได้สำนึกตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณของบูรพกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีแล้ว ยังเป็นการรำลึกถึงประวัติศาสตร์ของจังหวัดตรัง และตำบลควนธานี ภายในงานจะมีพิธีบวงสรวง การถ่ายทอด สืบสาน รักษาศิลปะการแสดงพื้นบ้าน การสร้างและรักษาขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น รวมไปถึงการจัดนิทรรศการประวัติศาลหลักเมืองตรัง การจำหน่ายสินค้าชุมชน อีกทั้งยังมีการปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว ตามรอยเมืองเก่า สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน
ริมแม่น้ำตรังอีกด้วย
ขณะที่ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การจัดงานสมโภชศาลหลักเมืองตรัง เป็นส่วนหนึ่งในการเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวตรัง ตลอดจนนักท่องเที่ยวได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา 89 พรรษา ประกอบกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของจังหวัดตรังที่สามารถสร้างความภาคภูมิใจแก่ประชาชนชาวตรัง จึงถือเป็นโอกาสในการร่วมกันเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ประชาชนทั่วหล้าได้สำนึกตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณของบูรพกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี
“นั้นคือเป็นปีที่ 126 ของการเสด็จประทับเมืองตรัง ณ ตำบลควนธานี ของพระบาทสเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2433 อีกทั้งยังเป็นการย้อนรำลึกและเชิดชูเกียรติพระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ผู้นำการพัฒนาและสร้างความเจริญให้กับจังหวัดตรังอีกด้วย” นายเดชรัฐ กล่าว
ความเป็นมาของจังหวัดตรัง ผ่านประวัติที่มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นมีการเล่าขาน ผ่านรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งเมือง มีความยาวนานมากว่า 200 ปี บ่งบอกให้เห็นถึงความเป็นเมืองเก่าแก่ ที่สมค่าต้องความภาคภูมิใจของประชาชนในปัจจุบัน ที่บรรพบุรุษในอดีตได้ร่วมกันอนุรักษ์รักษา ดังนั้นเราในฐานะคนรุ่นในปัจจุบัน จะต้องร่วมกันรักษาผืนแผ่นดินอันทรงคุณค่าให้อยู่คู่สังคมสืบไป
จิรศักดิ์ จาตุพรพิพัฒน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี