ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 323.53 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 25 ลุ่มนํ้า จากข้อมูลของกรมป่าไม้พบว่า ปี พ.ศ.2557-2558 ประเทศไทศไทยมีพื้นที่ป่าทั้งสิ้น 102,240,981.88 ไร่ หรือ ร้อยละ 31.60 ของพื้นที่ประเทศ ซึ่งในปี พ.ศ.2516 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าทั้งสิ้น 138,566,875.00 ไร่ หรือ ร้อยละ 43.21 ของพื้นที่ประเทศ แสดงให้เห็นว่า ช่วงระยะเวลา 42 ปี พื้นที่ป่าไม้ลดลง 36,325,893,12 ไร่ ซึ่งมีอัตราการลดลงของพื้นที่ป่า ปีละ 864,902.22 ไร่ต่อปี
ในปี พ.ศ.2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ จึงได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2557 ลงวันที่ 14 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และ นโยบายการปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวในสภาวการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้การดำเนินการ และการประสานงานในการปราบปราม และหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดผลกระทบที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของประเทศโดยรวม ทำให้พื้นที่ป่าไม้ในปี พ.ศ. 2556-2558 เพิ่มขึ้น 121,442.33 ไร่ แสดงให้เป็นว่าพื้นที่ป่าไม้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีปลูกป่าแบบประชารัฐเนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2559 บริเวณผืนป่าจำนวน 1,936 ไร่ ซึ่งตรวจยึดคืนจากนายทุน เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากระยาง หมู่ 11 บ้านแก่งไฮ ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยมีนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวรายงาน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นางสาวภาวิณี ปุณณกันต์ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิงแวดล้อม พล.ต.ธนา จารุวัต รองแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 นายฐานุพงศ์ เจริญสุรภิรมย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กรมป่าไม้ นายอรรถพลเจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ นายอมร ต่อเจริญ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11(พิษณุโลก) นายพิพัฒน์ ชนินทยุทธวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(ออป.) ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน นักเรียน นักศึกษา และภาคีเครือข่ายชาวบ้านตำบลหนองกะท้าว อ.นครไทย เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวว่า ประเทศไทยมีประชากรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึง 65-67 ล้านคนแล้ว ทำให้วันนี้ผืนป่าลดลง ดังนั้นจะต้องช่วยฟื้นฟูสภาพป่ากลับคืนมา ซึ่งก็มีคำถามมากมาย สำหรับการป้องกันและรักษาป่า ณ วันนี้ กรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ได้แสดงฝีมือสุดๆ แล้ว แต่ดูแลป่าทั้งหมดคงไม่ไหว ประชาชนต้องร่วมมือด้วย การเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าบางครั้งต้องทำหน้าที่ทั้งน้ำตา ต้องจับนายทุน แต่สุดท้ายถูกฟ้องกลับ ยิ่งกว่านั้น เมื่อไปจับพี่น้องประชาชนผู้ยากไร้บริเวณพื้นที่บุกรุก สงสารก็สงสาร แต่ต้องบังคับใช้กฎหมาย นี่คือภาวะจำเป็นของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า
“2 ปี หลังจาก คสช. เข้าบริหารประเทศ ได้หยิบยกปัญหาป่าไม้เป็นวาระแห่งชาติ การตัดไม้ทำลายป่าลดลง เพราะอาศัยความร่วมมือทุกฝ่าย จนถึงวันนี้สามารถหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่าได้มาก โดยมีป่าสมบูรณ์อยู่ 102.4 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 32 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ แต่ในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้าจำเป็นต้องทำยุทธศาสตร์ผลิกฟื้นผืนป่า คือ 1.เส้นเขตพื้นที่ปัญหาทับซ้อนในอดีต จะต้องใช้แผนที่ฉบับเดียวกัน 2.จะต้องบังคับใช้กฎหมายกับผู้บุกรุกผืนป่า ตัดไม้ทำลายป่า จัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ 3.กรณีที่เป็นผู้ยากไร้ จะผ่อนผัน และ จัดสรรที่ดินทำกินให้”
พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวต่ออีกว่า กรณีผืนป่าที่ได้คืนมาจากกลุ่มนายทุน-ผู้บุกรุกแล้ว จะต้องป้องกันไม่ให้มีผู้บุรุกป่าซ้ำอีกเพื่อให้ป่าฟื้นฟูสภาพด้วยตัวเอง จากนั้นก็เร่งทำฝายชะลอน้ำ เมื่อฝนตกพื้นที่จะได้ชุ่มชื้นเป็นป่าเปียก และปลูกต้นไม้เสริมเข้าไปอีก ส่วนการจัดโซนนิ่งพื้นที่ป่า ถ้านายทุนเข้ามาบุกรุกจะต้องดำเนินการใช้กฎหมาย ส่วนพื้นที่ที่มีความจำเป็นที่ประชาชนเข้ามาอาศัยอยู่เพราะไม่มีที่ทำกิน ก็ผ่อนผันให้เป็นพื้นที่ทำกินไปก่อน และจัดสรรพื้นที่ทำกินตามโครงการ คสช. ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ด้านนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2532 อนุมัติให้วันวิสาขบูชาของทุกปี เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ และกรมป่าไม้ ได้จัดกิจกรรมวันต้นไม้ประจำปีของชาติต่อเนื่องทุกปี กรมป่าไม้ โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ร่วมกับจังหวัดพิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 กำหนดจัดกิจกรรมวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2559 เพื่อปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ โดยรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้มีการปลูกต้นไม้ในใจคน ก่อให้เกิดความรักความหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ รวมทั้งการฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยปลูกพันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่มีค่าเพื่อการอนุรักษ์และเพิ่มคุณค่าของพื้นที่ป่า ตลอดจนช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ลดภาวะโลกร้อน
“กรมป่าไม้จะปลูกป่าแบบประชารัฐในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศอีกกว่า 50,000 ไร่ ซึ่งได้เตรียมกล้าไม้จำนวน 11 ล้านกล้า ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอรับกล้าไม้ได้จากหน่วยงานเพาะชำกล้าไม้ของกรมป่าไม้ทุกแห่งทั่วประเทศ”
ส่วนการปลูกป่าแบบประชารัฐในพื้นที่ดังกล่าวฯ เป็นการปลูกไม้ป่ายืนต้นในพื้นป่าที่เสื่อมสภาพ และปลูกแทรกในสวนยางพาราที่ตรวจยึดได้ โดยใช้ชนิดพันธุ์ไม้ท้องถิ่น ในป่าธรรมชาติหลากหลายชนิด อาทิ ตะแบก แดง ยางนา ประดู่ พยูง เป็นต้น รวมจำนวนทั้งสิ้้น 11 ล้านกล้า และ จ.พิษณุโลก มีการปลูกกล้าไม้ยืนต้น จำนวน 14,000 กล้า ประกอบด้วย คูน เสลา ตะแบกตะเคียนทอง ยางนา แดง พะยูง มะค่าโมง ประดู่ พฤกษ์ มะขามป้อม หว้า สะเดา ขี้เหล็ก หวาย และ ไผ่-นายชลธิศ กล่าว
กิตติพงษ์ ทุนเพิ่ม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี