บินสำรวจ‘ธรรมกาย’
DSIวางแผน
เข้าชาร์จพระธัมมชโย
เล็งอายัดทรัพย์ผู้ช่วยเหลือ
ลูกศิษย์ยันต้องคุ้มกันเข้ม
หวั่นมือที่3สร้างสถานการณ์
ความคืบหน้าการดำเนินคดี พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร หลังมีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาคของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กำหนดให้เข้ามอบตัวตามหมายจับของศาลอาญา ภายในวันที่ 26 พฤษภาคม แต่พระธัมมชโย ไม่ได้เดินทางไปตามกำหนดนัดหมายนั้น
ลูกศิษย์ให้รอฟังศาล-แพทยสภา
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 พฤษภาคม ที่สำนักสื่อสารองค์กรวัดธรรมกาย ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เปิดเผยภายหลังหารือกับฝ่ายกฎหมาย และกับทีมแพทย์ที่รักษาอาการพระธัมมชโยว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทนายความของพระธัมมชโยได้ยื่นอุทรณ์ คำร้องขอเพิกถอนหมายจับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอฟังคำสั่งศาล จึงอยากขอให้ดีเอสไอ ชะลอการปฏิบัติการตามหมายจับออกไปก่อนเพื่อรอฟังคำสั่งศาล รวมถึงเพื่อรอผลการพิจารณาของแพทยสภา หลังจากที่ทีมแพทย์ของพระธัมมชโย ได้ยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ขอให้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจอาการอาพาธ ด้วย แล้วค่อยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ยันศิษย์รวมตัวเพื่อปฏิบัติธรรม
ส่วนกรณีที่ลูกศิษย์มารวมตัวกันที่วัดพระธรรมกายกว่า 1 หมื่นคนนั้น นายองอาจ กล่าวว่า เป็นการรวมตัวกันเพื่อปฏิบัติธรรมตามปกติ และมาให้กำลังใจพระธัมมชโย ซึ่งทางวัดพระธรรมกายสามารถควบคุมให้อยู่ในความเรียบร้อยได้ และยืนยันว่า ลูกศิษย์ทุกคนเคารพในกฎหมาย ไม่ต้องการหมิ่นศาลหรือขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ตั้งกำแพงมนุษย์มาสร้างความวุ่นวาย และไม่กระทำการใดๆ ด้วยความรุนแรง
อ้างรปภ.เข้มเพราะหวั่นมือที่สาม
นายองอาจ กล่าวว่า การที่ต้องเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย การเข้าออกทุกประตู โดยเฉพาะช่วงถนนคลอง3 เป็นเพราะต้องเฝ้าระวังมือที่สาม และชี้แจงด้วยว่า ถ้ามีเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ไม่ใช่เจตนารมณ์ของวัดพระธรรมกาย และไม่ได้มาจากการกระทำของวัดพระธรรมกายแน่นอน
เผย“สมเด็จช่วง”ยังไม่ติดต่อมา
โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ระบุว่า ทางวัดพระธรรมกายยังไม่ทราบเรื่องหรือได้รับการติดต่อจากสมเด็จรัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ที่ดีเอสไอจะให้ขอเป็นคนกลางในการเจรจากับพระธัมมชโย แต่ก่อนหน้านี้เจ้าคณะจังหวัด อำเภอ และตำบล เข้ามาเยี่ยมอาการอาพาธของพระธัมมชโยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาการป่วยพระธัมมชโยนั้น แพทย์ยังคงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนกิจกรรมที่วัดในวันนี้ ยังคงมีลูกศิษย์มาปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง
เชื่อมั่นหลวงพ่อบริสุทธิ์
และที่หน้าประตู 7 มีลูกศิษย์ นำป้ายอิงเจท เขียนข้อความว่า “เราเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อธัมมชโย” จำนวน 2 ป้าย มาติดที่ประตูทั้งสองฝั่งทางเข้าออก ประตู 7 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตรวจรถยนต์ที่เข้า-ออก วัดธรรมกายอย่างเข้มงวด รวมทั้งมีกลุ่มเยาวชนผู้อาสาวัดธรรมกาย ชาย-หญิง สวมชุดขาว ตั้งแถวเรียงยาว คอยกล่าวคำต้อนรับและสวัสดี ผู้ที่เข้ามาภายในวัดธรรมกาย ซึ่งวันนี้ที่วัดยังไม่มีกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษนอกจากการปฏิบัติธรรม เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระ
ขู่ฟ้อง“หมอมโน”อ้างใส่ร้ายวัด
พร้อมกันนี้ นายองอาจ ยังได้ตั้งข้อสังเกตุ และต้องการคำชี้แจงว่า เหตุใดดีเอสไอจึงเชิญ นพ.มโน เลาหวณิช ซึ่งเป็นอดีตลูกศิษย์วัดพระธรรมกายมาสอบถามข้อมูล เพราะมองว่า นพ.มโน กล่าวข้อความเท็จ พร้อมกับขอให้หยุดใส่ร้ายวัดพระธรรมกายด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย
DSIไม่สน-ยันเดินหน้าตามกม.
ทางด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่ทีมทนายวัดพระธรรมกายขอให้ดีเอสไอชะลอการปฏิบัติตามหมายจับ เพื่อรอผลการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หลังมีการยื่นอุทธรณ์ให้ยกเลิกหมายจับตามกระบวนการพิจารณาของศาลว่า ดีเอสไอต้องดำเนินการตามขั้นตอนของหมายจับ ส่วนวัดพระธรรมกายจะดำเนินการในส่วนใดถือเป็นสิทธิ์ และไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของดีเอสไอ
ส่ง“โดรน-ฮ.”บินสำรวจวัด
ขณะที่แหล่งข่าวจาก ดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเดินหน้าตามแผนเพื่อปฏิบัติการตามหมายจับกับพระธัมมชโย ว่า ดีเอสไอได้ส่งอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน เข้าไปสำรวจเส้นทางทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินเหนือพื้นที่ทั้งหมดของวัดพระธรรมกาย เพื่อนำมาประกอบการจัดทำแผนเข้าจับกุมตามขั้นตอนหมายจับต่อไป
ขณะเดียวกันจะประสานขอเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)ให้ช่วยบินสำรวจเส้นทางไว้ทำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการสนธิกำลังเข้าจับกุม
เตรียมกำลังตร.-ทหาร2,250นาย
ส่วนแผนดูแลพื้นที่รอบนอกระหว่างปฏิบัติงาน จะประสานขอกำลังทั้งตำรวจและทหารเข้าประจำจุดทุกประตูเข้าออก จุดละ 1 กองร้อย จากข้อมูลวัดพระธรรมกายมีประตูรอบวัด 15 ประตู จึงคาดว่าต้องสนธิกำลังประมาณ 2,250 นาย
เล็งอายัดทรัพย์กองหนุนธัมมชโย
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยง โดยบุคคลใกล้ชิดที่มีข้อมูลชี้ว่าเป็นผู้มีส่วนให้การสนับสนุนทางการเงิน เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายทั้งค่ารถ ค่าอาหาร ค่ารักษาความปลอดภัยวัดตลอด 24 ชม. ทั้งนี้ เพื่อเสนอให้มีการพิจารณาอายัดทรัพย์สินกลุ่มคนแวดล้อมที่มีบทบาทให้การสนับสนุน รวมถึงเอาผิดตาม ป.วิอาญา มาตรา 189 กับกลุ่มที่ให้ที่พักพิงหรือให้ความช่วยเหลือบุคคลตามหมายจับด้วย
หมอมโนโต้วิษณุ ยันต้องพึ่งมส.
วันเดียวกัน นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระและศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่เห็นด้วยที่ดีเอสไอจะประสานมหาเถรสมาคม(มส.) ให้ร่วมช่วยเหลือการเข้าเจรจากับพระธัมมชโย เพราะที่ผ่านมาการดำเนินคดีกับพระภิกษุหลายรูป มส.ก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง และเป็นหน้าที่ของ ดีเอสไอที่จะดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ว่า ตนรู้สึกผิดหวัง เพราะแสดงว่า นายวิษณุ ไม่เข้าใจมิติความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นและหากดีเอสไอเข้าไปในวัดพระธรรมกายโดยไม่มีพระนำ ก็จะถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งพระสงฆ์และมีผู้ชี้นำอยู่เบื้องหลัง ซึ่งจะทำให้ดีเอสไอตกเป็นจำเลยของสังคม ดังนั้น สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระธัมมชโย และเป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์จะต้องดูแลไม่ให้เกิดภาพที่ไม่ดีต่อพุทธศาสนา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระธรรมวินัยท่านจะปฏิเสธหน้าที่ของพระอุปัชฌาย์ไม่ได้
ชี้“สมเด็จช่วง”บอกปัดไม่ได้
“ตามพระธรรมวินัยนั้นพระอุปัชฌาย์ซึ่งเป็นผู้บวชพระรูปใดเปรียบเหมือนพ่อกับลูก ซึ่งเมื่อลูกกำลังจะติดคุกแล้วบอกว่าไม่รู้จัก และเวลาวัดพระธรรมกายมีงานก็ไปร่วมงานทุกปีและรับเงินบริจาค และเวลาที่มีการเดินธุดงค์ในเมืองก็ชื่นชม แต่พอเวลาลูกกำลังสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านจะบอกปัดว่าไม่เกี่ยวข้องคงไม่ถูกต้อง”นพ.มโน กล่าว
ปูดเร่งระดมพลเสริมโล่มนุษย์
นพ.มโน กล่าวอีกว่า หากดีเอสไอเข้าไปในวัดโดยลำพังแล้วเกิดเหตุการณ์เลือดตกยางออก จะเกิดการตีแผ่ข่าวไปทั่วโลกว่าเจ้าหน้าที่ทำร้ายพระทั้งที่นั่งสมาธิอยู่ ส่วนแผนโล่มนุษย์ทราบมาว่าขณะนี้มีการระดมคนที่เป็นลูกศิษย์จากทุกสาขาวัดพระธรรมกายที่มีทั่วประเทศให้เดินทางเข้ามาที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งจะส่งผลต่อแผนการปรองดองของคนในชาติที่รัฐบาล คสช.พยายามเดินหน้าอยู่ ดังนั้น ปัญหาเรื่องนี้มีความสำคัญกับ คสช.และพุทธศาสนาในประเทศไทย จึงควรที่รัฐบาลมองเป็นเรื่องวาระแห่งชาติ เพราะเป็นเรื่องท้าทายต่อกระบวนการยุติธรรมของรัฐ
แนะรัฐบาลใช้ความเด็ดขาด
“คาดว่าอาจมีเหตุการณ์ที่จะเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้น จึงไม่ใช่เพียงการประสานกับ มส.ช่วยแก้ปัญหาเท่านั้น แต่ยังควรใช้มาตรา 44 ประกาศให้วัดพระธรรมกาย เป็นพื้นที่เขตอัยการศึก เพราะที่ผ่านมาทางวัดฯทั้งพระและศิษย์ยานุศิษย์ปากบอกว่าไม่ขัดขืนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่ทางปฏิบัติจริงมีเงื่อนไขตลอดและพูดอย่าง ทำอีกอย่าง รัฐต้องใช้ความเด็ดขาดกับผู้ที่จงใจฝ่าฝืนกฏหมาย และหมู่คณะก็ออกมาปลุกปั่นสร้างเรื่องเท็จ จัดฉาก ดังนั้น ดีเอสไอควรเดินหน้าตรวจสอบตามกฏหมาย” นพ.มโน กล่าว
ปนัดดาหนุนเชิญสมเด็จช่วงเจรจา
ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอ จะขอให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจรจากับพระธัมมชโย ในการเข้ามอบตัว ว่า เป็นเรื่องที่ดีเอสไอต้องพิจารณาตามความเหมาะสม และให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ เพราะสมเด็จช่วงถือเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกฝ่ายเกิดความไม่สบายใจ โดยเฉพาะชาวพุทธที่อยากเห็นความสงบเรียบร้อยและความสงบสุขร่มเย็นเกิดขึ้น ดังนั้นการพูดจาทำความเข้าใจน่าจะเป็นทางออกที่ดี อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่บานปลายขยายเป็นความขัดแย้งรุนแรง เพราะประเทศไทยเป็นเมืองพุทธที่สอนให้ทุกคนเป็นคนดี ทำความดี สถานการณ์จึงน่าจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี
“อดีตเณรคำ”โผล่ฮาวายเย้ยDSI
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในหน้าเพจเฟซบุ๊ก CSI LA ได้มีการโพสต์รูปของ นายวิรพล สุขผล อดีตพระภิกษุชื่อพระวิรพล ฉัตติโก หรืออดีตเณรคำ ฉัตติโก ซึ่งเคยเป็นประธานสงฆ์สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม แต่ถูกถอดจากสมณเพศเพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายประการและตกเป็นผู้ต้องหาในหลายคดีอาทิ เลี่ยงภาษีรถหรู, กระทำชำเราเด็กหญิงและพรากผู้เยาว์, กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, ฟอกเงิน ซึ่งภาพดังกล่าว อดีตเณรคำ ได้แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ซึ่งมีการสวมเสื้อและด้านล่างสวมคล้ายสบง กำลังนั่งคู่กับพระสงฆ์ โดยอดีตเณรคำ ดูมีรูปร่างอวบอิ่มขึ้น นอกจากนี้ทางเพจเฟซบุ๊ก CSI LA ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “หลวงปู่เณรคำได้มาเยี่ยมวัดพุทธศักดิ์สิทธิ ที่ Hawaii อยากให้ญาติโยมรู้ว่าหลวงปู่ยังสบายดี DSI ทำอะไรหลวงปู่ไม่ได้
DSIยันไม่ปล่อยคดีอดีตเณรคำ
ขณะที่แหล่งข่าวจากดีเอสไอ ยืนยันว่า ดีเอสไอได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องอดีตเณรคำไปยังอัยการครบถ้วนทุกคดีแล้ว โดยทุกข้อหาอัยการมีความเห็นส่งฟ้องศาล แต่เนื่องจากตามกฏหมายต้องมีตัวผู้ต้องหาจึงส่งฟ้องได้ ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างรอการประสานกับต่างประเทศ เพื่อขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี ทั้งนี้ ยืนยันว่าดีเอสไอติดตามความคืบหน้าคดีนี้เป็นระยะ แต่กฏหมายมีขั้นตอนการทำงาน อย่างไรก็ตาม ทุกคดีที่สั่งฟ้องยังไม่มีคดีใดที่ขาดอายุความ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี