30 พ.ค.59 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีที่ จะใช้มาตรการใดมาใช้เพื่อให้สามารถนำตัว พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาดำเนินการให้เป็นไปตามหมายจับนั้น ว่า สิ่งเหล่านี้เราต้องทำความเข้าใจกับสานุศิษย์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตนพูดคำนี้ อยากจะให้ทำความเข้าใจ โดยร้อยเรียงเรื่องราวจึงมาถึงจุดนี้ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่ได้เจาะจงเฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง แต่สืบเนื่องมาจากคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
ทั้งนี้ ตนเรียนหลายครั้งแล้วว่า จำเป็นต้องออกมาชี้แจงแทนผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะเริ่มมีการออกมาของหลายหน่วยงาน ไม่เฉพาะสานุศิษย์เท่านั้น แต่จะเห็นได้ว่าในช่วง 2 - 3 วัน เริ่มมีกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ออกมาทำให้สังคมเกิดความไม่เข้าใจ ซึ่งเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย จึงไม่ต้องการให้เบี่ยงเบน เพราะที่ผ่านมาจะพูดว่ากฏหมายไทยบังคับใช้ไม่ได้ หรือสองมาตรฐานบ้าง ทั้งนี้ เวลาที่ท่านพูดกันโดยที่พูดไม่หมดแล้วกลายเป็นประเด็นเรื่องการกลั่นแกล้งไม่ให้ความเป็นธรรมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ความเสียหายของกระทรวงยุติธรรม หรือดีเอสไอ แต่จะเกิดผลเสียหายมากมายไปถึงกระบวนการยุติธรรมไทยด้วย ตนไม่เห็นด้วยกับการใช้ดุลพินิจออกตามสื่อ เพราะจะทำให้เกิดการบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม คนที่พูดไม่รู้ครบถ้วนแล้วก็พูดไปด้วยความเข้าใจอย่างนั้น แต่วันนี้เริ่มมีกลุ่มบุคคล 3 - 4คน ที่ออกมาพูดนั้นรู้จริงขนาดไหน
ตนพูดมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่รับคดีนี้ว่า ไม่อยากให้เป็นปัญหาความขัดแย้ง และจากจุดเล็กๆ กลายเป็นเรื่องกระทบกระทั่งที่เบี่ยงเบนเป็นเรื่องอื่น ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนในคดี นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่นฯ แล้วเชื่อมโยงไปถึงไม่ใช่พระธัมมชโยท่านเดียว แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับหลายคน ซึ่งหากยกเลิกการปฏิบัติกับพระธัมมชโย ก็ต้องยกเลิกการปฏิบัติกับคนอีกด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าเช่นนั้นเราจะบังคับใช้กฎหมายได้อย่างไร
ที่ผ่านมาดีเอสไอปฏิบัติตามกฎหมายทีละขั้นตอน ซึ่งวันนี้ขอร้องว่าทั้งประชาชนที่เห็นด้วยกับที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฏหมาย หรือสานุศิษย์นั้น ทั้ง 2 ฝ่าย อย่าพูดเบี่ยงเบน โดยบางฝ่ายก็เริ่มกดดันดีเอสไอ บางฝ่ายพูดเรื่องการรังแกพระ ใช้กฎหมายทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งท่านไม่เข้าใจว่าแต่ละขั้นตอนเราทำอย่างรอบคอบ เช่น ความพยายามที่ว่าสงฆ์มีผู้ปกครองให้รับทราบและมีวิธีการช่วยกันแก้ปัญหา แต่เราต้องยืนอยู่บนพื้นฐานการปฏิบัติตามกฏหมายที่เท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ต้องเข้าใจด้วยว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะถูกตำหนิ หรือลงโทษกฎหมายอาญามาตรา 157 ไม่มีใครที่อยากจะเอาปัญหามาสุมไว้กับตัวเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวัง เพราะฝ่ายที่ต้องการให้จับกุมหรือโจมตีก็ถามว่าทำไมไม่ดำเนินการสักที ตนขอถามว่า หากเกิดการกระทบกระทั่งความเสียหายหนัก ซึ่งตนพูดว่าต้องค่อยๆ พูดจากัน อย่าให้เรื่องหนึ่งลุกลามบานปลายไปกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
"การวิพากษ์จากข้างนอกแล้วให้ข่าวเกิดความเข้าใจผิดเบี่ยงเบนไป ขอร้องว่าอย่าพูดนำสื่อบนพื้นฐานที่ใช้ดุลพินิจเอง ซึ่งไม่ถูกต้อง ทำให้สังคมเข้าใจไขว้เขว้ ยืนยันว่าวันนี้หากดีเอสไอจะใช้กฎหมายก็ใช้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องบอกมหาเถรสมาคม (มส.) ไม่จำเป็นต้องบอกการปกครองของสงฆ์ แต่เราพยายามให้การดำเนินคดีนี้ไม่เกิดปัญหาใหญ่ เราไปหาท่านสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) อยู่ในฐานะผู้ปกครอง ท่านมีฐานะ มีอำนาจในการปกครองสงฆ์อยู่ เพราะท่านมีหน้าที่อยู่ตรงนั้น และผู้อำนวยการสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ก็มีหน้าที่ ซึ่งก็ลงมาช่วยกันทุกคน การที่คนเหล่านี้ต้องนำคดีพระธัมมชโย ไปเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นแล้วกลายเป็นประเด็น โดยเฉพาะบุคคลนอกที่ออกมาพูดแล้วไม่ยอมเข้ามาพูดคุยเพียงแต่ให้ปรากฏข่าวทางสื่อสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งคนที่ไม่ฟังมาตั้งแต่ต้นแล้วมาฟังวันเดียวพูดทำให้สังคมเข้าใจผิดไปหมด คนเหล่านี้เกิดมาเพื่ออะไร ถามหน่อย ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่" รมว.ยุติธรรม กล่าวและว่า บางเรื่องข้าราชการพูดไม่ได้ วันนี้ผมถึงต้องออกมาพูดในฐานะที่เขาเป็นลูกน้อง ซึ่งตนเป็นคนริเริ่มเองเรื่องการใช้สงฆ์มาช่วยแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่ทำให้สะใจโดยการเอากำลังตูมตามเข้าใจ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อรองเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อจบคดีนี้นั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวตอบว่า "คุณพูดมีตัวตนมั้ย เดี๋ยวจะฟ้องให้ดู สื่อเองก็เหมือนกัน เวลาถามก็บอกว่าจากแหล่งข่าว ผมก็ไม่รู้จะไปฟ้องใคร มันเกี่ยวกับผมหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ ถ้ามันเกี่ยวกับผม หรือเกี่ยวกับพนักงานสอบสวน ซึ่งตามประมวลกฎหมายเพื่อรักษาเกียรติภูมิของตัวเอง ทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ผมพูดกับพวกเราเสมอว่าการทำงานทุกงาน คุณทำไปวันหนึ่ง สังคมเขาจะยอมรับองค์กรคุณหรือไม่ องค์กรคุณก็จะเสื่อมไปเอง คุณคิดว่าสังคมจะไม่รู้หรือ และคนที่พูดถึงเงิน 2,000 ล้านบาทนั้น ละอายแก่ปากตัวเองหรือไม่ คุณกำลังทำลายเจ้าหน้าที่ที่เขาตั้งใจทำงานอยู่ ถ้ามันเป็นความผิดชัดแจ้งคุณบอกผมมาเลย ผมจะจัดการให้ดู อย่ามาพูดลอยๆ แบบนี้"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี