วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ประเทศไทยเหมือนเป็นประเทศที่อาภัพเรื่อง “พลังงาน” เพราะเห็นรัฐบาล กระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้า ออกมาพูดแล้วพูดอีกถึงสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางพลังงาน และแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนวันหนึ่งกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่จะไม่เพียงพอ
พูดไม่พูดเปล่า โปรเจกท์สร้างโรงไฟฟ้าผุดออกมาเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหินแถบชายฝั่งทะเลภาคใต้ กระทั่งกลายเป็นปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันไม่จบไม่สิ้นระหว่างชาวบ้านกับการไฟฟ้าที่มีคนของรัฐยืนอยู่ข้างๆ
เชื่อหรือเปล่าครับว่า ย้อนหลังไปเป็นสิบปี ชาวบ้าน นักวิชาการ และใครต่อใคร พยายามบอกรัฐบาลมา
ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งให้สนับสนุน “พลังงานทางเลือก” เช่น การใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์มาผลิตไฟฟ้าผ่านระบบ “โซลาร์เซลล์”
แต่ผ่านมากี่รัฐบาลก็ไม่เคยเห็นลงมือสนับสนุนอย่างจริงๆ จังๆ เสียที มัวแต่อ้างความคุ้ม-ไม่คุ้ม เอาแต่จมปลักอยู่กับ “ถ่านหิน” ขนาดคนในชาติใหญ่ๆ อย่างสหรัฐและยุโรปเข้าแบนแล้วแบนอีก ไม่เอาถ่านหินเพราะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่พี่ไทยก็ไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาจะเดินหน้ากันต่อไปให้ได้ ปล่อยให้ชาวบ้านเค้าวิ่งแซงหน้าเราไปไม่รู้กี่ก้าวต่อกี่ก้าว
ดูตัวอย่างได้จาก “อินเดีย” ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนพลังงานสะอาด จนเดี๋ยวนี้เขาถึงกับกล้าออกมาประกาศจะเป็นผู้นำโลกเรื่องการใช้พลังงานหมุนเวียน
ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้เก่งแต่ปาก เพราะมีการสนับสนุนจริง ใช้งานจริง และเห็นผลจริง เช่น ที่สนามบิน Cochin International Airport ที่เดียวนี้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์หรือระบบพลังงานโซลาร์อย่างเต็มรูปแบบ จนไม่ต้องเสียค่าไฟแม้แต่บาทเดียว
แต่ครั้นหันมามองกลับมาที่ประเทศไทย เราเดินไปถึงไหนได้บ้าง ก็ต้องบอกว่า ทุกวันนี้เหมือนยังย่ำเท้าอยู่กับที่ ทั้งที่ประเทศไทยน่าจะพัฒนาการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นต้นทุนสำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ไม่ยาก
โดยสาเหตุที่การพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ของเราไม่โต ก็เพราะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของเรายังติด “บ่วง” เงื่อนไขของรัฐ เช่น คนที่ติดโซลาร์รูฟท็อปไว้บนหลังคาโรงงาน หรืออาคาร บ้านเรือน เมื่อผลิตแล้วมีไฟฟ้าเหลือจะไม่สามารถสำรองลงในแบตเตอรี่ หรือเชื่อมระบบส่งพ่วงเพื่อจำหน่ายให้ใครได้ รวมทั้งไม่สามารถขายไฟฟ้าที่ปล่อยย้อนกลับเข้าระบบได้ คือ ปล่อยไฟเข้าไปได้ แต่รัฐไม่ต้องจ่าย เพราะกฎหมายไม่อนุญาต ทั้งที่ต่างประเทศเขาทำกันอยู่โครมๆ เพื่อจูงใจประชาชนให้มาใช้พลังงานทางเลือก
พอประชาชนไม่มีแรงจูงใจจะหันมาใช้ มันก็กลับมาอยู่ในวังวนเดิมๆ คือ รัฐและการไฟฟ้าก็โอดครวญกันต่อไปว่า พลังงานจะไม่พอ แล้วก็ตะลุยสร้างโรงไฟฟ้ากันต่อ ก่อนจะจบลงด้วยการทะเลาะกับชาวบ้าน
อย่างไรก็ตาม ทราบมาว่า เร็วๆ นี้ จะมีการเสนอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาหลักเกณฑ์โครงการโซลาร์รูฟท็อปเสรี 100 เมกะวัตต์ เพื่อออกประกาศให้รับซื้อไฟฟ้าได้ ซึ่งก็ต้องมานั่งลุ้นกันต่อว่า เราจะเดินวนกันในอ่างอย่างนี้กันต่อไป หรือก้าวไปข้างหน้าได้กับพลังงานทางเลือก
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี