30 มิ.ย. 59 ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์คดีฆ่านักธุรกิจชื่อดัง หมายเลขดำ อ.3307/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง อายุ 25 ปี นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร อายุ 30 ปี นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม อายุ 25 ปี นายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง อายุ 20 ปีเศษ จ.ส.อ.อิทธิพล เพ็งด้วง อายุ 53 ปี และนางจิตอำไพ เพ็งด้วง อายุ 50 ปี บิดามารดานายสันติภาพ ทั้งหมดเป็นชาว จ.พัทลุง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 6 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ , ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , รับของโจร ฯลฯ รวม 8 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 , 289 , 309 , 310 , 340 , 357 และ 371 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2492
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 ก.ย.56 ระบุฟ้องความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 6 - 9 มิ.ย.56 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 - 2 ได้ร่วมกันมีอาวุธปืนพกออโต้เมติก ขนาด .380 (9 ม.ม. KURZ) ทะเบียน กท.5203330 พร้อมเครื่องกระสุน และอาวุธมีด ปล้นเอาทรัพย์สินของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 59 ปี อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง รวม 9 รายการ มูลค่า 6.6 ล้านบาท โดยใช้อาวุธทำร้าย และหน่วงเหนี่ยวกักขังบังคับให้นายเอกยุทธ ออกเช็คเบิกถอนเงิน และใช้เชือกรัดคอ จนนายเอกยุทธถึงแก่ความตาย ก่อนนำศพไปไว้ในรถยนต์ตู้ ทะเบียน ฮพ 9304 และนำไปฝังไว้ในไร่นาสวนผสมทิ้งร้าง อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปกปิดความผิด โดยมีจำเลยที่ 3 - 4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วนจำเลยที่ 5 - 6 ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บเงินสดของผู้ตาย จำนวน 4,242,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 นำไปฝากไว้ จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.57 เห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาว่า ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 - 2 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คำเบิกความเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์จำคุกคนละ 18 ปี แต่เมื่อรวมโทษแล้วคงให้จำคุก จำเลยที่ 1 - 2 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3 ผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และซ่อนเร้นอำพรางศพ จำคุก 13 เดือน และให้รวมโทษที่รอการลงอาญาไว้ในคดีเดิมอีก 6 เดือน เป็นจำคุก 19 เดือน จำเลยที่ 4 ผิดฐานซ่อนเร้นอำพรางศพ จำคุก 8 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดา มารดา ของจำเลยที่ 1 ผิดฐานรับของโจร แต่รับสารภาพและช่วยติดตามนำเงินของมาคืนจำนวน 4.2 ล้านบาท พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน และให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1.9 ล้านบาท ให้กับทายาทของผู้ตาย
ต่อมา จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยาน มาเบิกความถึงการกระทำผิดของพวกจำเลย แต่ก็มีพยานแวดล้อมเบิกความเป็นลำดับขั้นตอนโดยเฉพาะพี่เขยของนายสันติภาพ จำเลยที่ 1 เบิกความว่านายสันติภาพ กับผู้ชายอีก 1 คน มาสอบถามหาสถานที่ฝังศพผู้ตาย ที่ จ. พัทลุง ซึ่งแม้นายสันติภาพ กับนายสุทธิพงศ์ จำเลยที่ 1-2 จะให้การแตกต่างกันว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าผู้ตายก็ตาม แต่การเสียชีวิตของนายเอกยุทธ ก็เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ 1-2 ซึ่งร่วมกันทำร้ายและฆ่าผู้ตาย ขณะที่นายเอกยุทธพยายามเปิดประตูรถตู้หลบหนี
ที่ศาลล่าง พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 ผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นั้น ศาลอุทธรณ์ ไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษาแก้เฉพาะบทกฎหมาย ว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่ใช่การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 และ2 พร้อมชดใช้เงินแก่ทายาทผู้ตาย จำนวน1. 9 ล้านบาท จำคุกนายชวลิต จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 13 เดือน ส่วนนายทิวากร จำเลยที่ 4 จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ
สำหรับ จ.ส.อ.อิทธิพล และ นางจิตอำไพ จำเลยที่ 5-6 บิดา มารดา ของจำเลยที่ 1 ซึ่งยื่นอุทธรณ์อ้างว่า เงินของกลางที่นายสันติภาพนำมาฝากไว้ เป็นเงินที่ได้จากการเล่นพนัน นั้นขัดกับคำให้การในชั้นสอบสวน แม้จะมึพยานมาเบิกความสนับสนุน แต่ก็ไม่ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวน เชื่อว่า เป็นการเบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่5-6 ซึ่งน่าจะรู้ว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ฐานรับของโจร อุทธรณ์ จำเลยที่ 5 - 6 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล่างพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน นั้นชอบแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี