วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แม้ว่าขณะนี้จะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้วก็ตาม แต่ด้วยสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้มีความรุนแรงจริงๆ และคาดว่าในปีต่อๆ ไปสถานการณ์ภัยแล้งก็ยังคงมีความรุนแรงไม่น้อยไปกว่าปีนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นหน่วยงานภาครัฐก็ยังคงเตรียมพร้อมช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่ต้องประสบกับปัญหาภัยแล้งในปีต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยการศึกษาวิจัยการเพาะปลูกพืชทนแล้งก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกพืชในฤดูแล้งเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ซึ่งหนึ่งในหลายพืชที่สามารถปลูกและให้ผลผลิตได้คุ้มค่ากับการลงทุนก็คือ ถั่วเขียวผิวมัน จากการศึกษาวิจัยของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จ.พิษณุโลก กรมวิชาการเกษตร พบว่าถั่วเขียวผิวมันเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนแล้ง ทนโรค ทนต่อสภาพแวดล้อม ใช้ต้นทุนในการผลิตต่ำ ให้ผลผลิตคุ้มค่า และสามารถปลูกได้ปีละหลายครั้ง
.jpg)
นายสมเพชร พรมเมืองดี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จ.พิษณุโลก กรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่าทั้งนี้สถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักมีปัญหาถึง “ขั้นวิกฤติ” ที่ผ่านมาทำให้ชลประทานหยุดการจ่ายน้ำ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้ง 22 จังหวัด ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายลดพื้นที่การทำนา และส่งเสริมการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน ซึ่งพืชทางเลือกที่ใช้น้ำน้อย ต้องดูแลง่าย ลงทุนต่ำ ผลผลิตขายได้ราคา โดยพิจารณาเปรียบเทียบจากข้อมูลการใช้น้ำของพืชตลอดฤดูเพาะปลูกคือ ข้าวนาปรังใช้น้ำ 1,920 ลบ.ม./ไร่ ถั่วเขียวผิวมันใช้น้ำ 320-400 ลบ.ม./ไร่ ถั่วลิสงใช้น้ำ 610 ลบ.ม./ไร่ ถั่วเหลืองใช้น้ำ 480-560 ลบ.ม./ไร่ ข้าวโพดหวานใช้น้ำ 410-500 ลบ.ม./ไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใช้น้ำ 720-800 ลบ.ม./ไร่ พืชผักใช้น้ำ 200-800 ลบ.ม./ไร่เห็นได้ว่า การปลูกข้าวนาปรังใช้น้ำมากกว่าพืชอื่นๆ 2-9 เท่า และอายุมากกว่าพืชอื่น 2-4 เท่า อำเภอบึงสามัคคี จังหวัดกำแพงเพชร เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีพื้นที่ปลูกถั่วเขียวผิวมันในฤดูแล้งกว่า 2,435 ไร่ ปริมาณผลผลิต 242 ตัน ในฤดูฝนมีพื้นที่ปลูก 3,141 ไร่ มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 2,839 ไร่ ปริมาณผลผลิต 476 ตัน
“จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าถั่วเขียวผิวมันเป็นพืชอีกชนิดที่น่าสนใจ เนื่องจากสามารถปลูกได้ปีละหลายครั้ง ปลูกได้ในดินทุกชนิด ทนทานต่อโรค และแมลงศัตรูพืช ทนต่อสภาพอากาศร้อน และเติบโตได้ในช่วงฤดูแล้ง จึงเหมาะสำหรับปลูกก่อนหรือหลังการทำนาเพื่อเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ตัดวงจรการระบาดของศัตรูพืช ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีได้ ช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุน และสร้างรายได้หลังฤดูการทำนา หรือในช่วงที่ต้องประสบกับปัญหาภัยแล้ง” นายสมเพชรกล่าว
.jpg)
อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินการวิเคราะห์ปัญหา และนำเทคโนโลยีการผลิตพืชมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาในพื้นที่ผ่านการจัดทำแปลงต้นแบบการขยายผลงานวิจัยในเชิงปฏิบัติร่วมกับเกษตรกร 6 ราย ด้วยเทคโนโลยีการผลิตพืชที่เหมาะสมของกรมวิชาการเกษตร ทั้งในด้านพันธุ์ (ถั่วเขียวผิวมัน พันธุ์ชัยนาท 84-1) ในอัตรา 4-5 กิโลกรัมต่อไร่ ปลูกด้วยเครื่องปลูกแบบโรยเป็นแถว มีระยะระหว่างร่อง 50 เซนติเมตร ระยะระหว่างหลุม 20 เซนติเมตร พร้อมทั้งมีการจัดการปริมาณธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชอย่างเหมาะสมซึ่งเกษตรกรทุกรายมีวิธีการจัดการดินในแปลงนา มีการไถพรวน 1–2 ครั้ง เพื่อปรับหน้าดิน มีการจัดการธาตุอาหารเพียงการใส่ปุ๋ยเคมี 1 ครั้ง รองพื้นพร้อมปลูกถั่วเขียวผิวมัน คือใช้ปุ๋ยสูตร 18-46-0 อัตรา 20 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยสูตร 0-0-60 อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ระยะการเก็บเกี่ยว ฝักถั่วเขียวผิวมันจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำตามแต่ลักษณะของพันธุ์ ซึ่งแสดงว่าฝักแก่พร้อมเก็บเกี่ยวได้ สำหรับถั่วเขียวผิวมัน พันธุ์ชัยนาท 84-1 ฝักเกือบทั้งหมดจะแก่และพร้อมเก็บชุดแรกที่อายุ 65-75 วัน
นายสมเพชรกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านต้นทุนและผลตอบแทนเกษตรกรสามารถขายถั่วเขียวผิวมันในราคาเฉลี่ย 24–30 บาทต่อกิโลกรัม โดยขึ้นกับช่วงระยะเวลาที่ผลผลิตออกสู่ท้องตลาด ซึ่งจะได้กำไร 2,500-3,500 บาทต่อไร่ จากต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 2,000-2,300 บาทต่อไร่ ซึ่งสูงกว่าการปลูกข้าวรอบที่ 2 ที่มีกำไรเพียง 1,000-1,200 บาทต่อไร่ ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน (BCR) ของเกษตรกรแปลงต้นแบบทั้ง 6 ราย ที่มีค่า BCR ตั้งแต่ 1.19-1.73 ที่สำคัญถั่วเขียวผิวมันมีตลาดรองรับแน่นอน จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และสร้างรายได้ทดแทนการทำนาข้าวในช่วงหน้าแล้งให้กับเกษตรกรได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี