วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายชลธี นุ่มหนู รักษาการผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรเปลี่ยนอาชีพทำสวนไม้ผลไปปลูกยางพาราเมื่อ 6-7 ปีก่อน ตัดสินใจตัดโค่นสวนยางพาราเพื่อกลับมาทำสวนทุเรียน สวนลำไย และสวนเงาะตามเดิม โดยจะเหลือเพียงพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำเพียงพอต่อการปลูกไม้ผลเท่านั้น ที่เกษตรกรไม่มีทางเลือกต้องอดทนทำกินด้วยรายได้จากสวนยางพาราเพื่อเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวต่อไป
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวสวนยางนั้น นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรของกรมวิชาการเกษตรที่เคยเป็นศูนย์วิจัยหรือสถานีทดลองยางพารามาก่อน จัดทำแปลงต้นแบบการปลูกพืชเสริมรายได้ในสวนยางพารา ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้แล้วใช้เป็นตัวอย่างในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้เสริมทดแทนรายได้ที่หายไปจากราคายางพาราตกต่ำ เพื่อเพิ่มทางเลือกและสร้างโอกาสในการอยู่รอดให้มากขึ้น
ดังนั้นในฐานะที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี เคยเป็นสถานีทดลองยางพาราจันทบุรีมาก่อน จึงได้สนองนโยบายแก้ปัญหาให้กับชาวสวนยางในพื้นที่ภาคตะวันออก ด้วยการสร้างแปลงเรียนรู้การปลูกพืชเสริมรายได้ในสวนยางพาราขนาดพื้นที่ประมาณ 10 ไร่
ทั้งนี้ข้อจำกัดของการปลูกพืชในสวนยางพารา คือ มีแสงแดดน้อย และแหล่งน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ฉะนั้นการเลือกพืชที่จะมาปลูกเสริมรายได้ในสวนยางพารานั้น ต้องเป็นพืชที่เจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ดีในสภาพร่มเงา มีศักยภาพทางการตลาด คือ ปลูกแล้วขายได้ ส่วนระบบน้ำต้องใช้เป็นระบบน้ำหยดที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดน้ำมากที่สุด ซึ่งศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี ได้พิจารณาคัดเลือกไม้ผลเศรษฐกิจหลายชนิดเป็นพืชหลัก เช่น มังคุด ลองกอง สละสุมาลี โกโก้ และกาแฟ เป็นต้น แต่ไม้ผลเหล่านี้ใช้ระยะเวลาปลูกหลายปีจึงจะให้ผลผลิต ฉะนั้นในระยะแรกจึงคัดเลือกพืชผัก สมุนไพร และไม้ดอก ปลูกแบบผสมผสานไปก่อน ได้แก่ พริกไทย ดีปลี หัวหอม กระวาน ขิงแดง ดาหลา หน้าวัว ผักกูด และกระชาย ที่สามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้เร็วและตลาดมีความต้องการสูง
“การปลูกพืชแบบผสมผสานในสวนยางพารา จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี แม้แต่ในช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่ยางพาราผลัดใบไม่สามารถกรีดขายน้ำยางได้ แต่เกษตรกรจะยังคงมีรายได้จากพืชหลายชนิดที่ปลูกอยู่ในสวนยางมาทดแทน ทั้งนี้ แปลงเรียนรู้การปลูกพืชเสริมรายได้ในสวนยางของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี ได้ทำเป็นตัวอย่าง พร้อมทั้งมีข้อมูลการเจริญเติบโต ผลผลิต ต้นทุนการผลิต และผลกำไรของแต่ละพืช ให้เกษตรกรตัดสินใจเลือกปลูกตามความต้องการ หากเกษตรกรชาวสวนยางสนใจ สามารถเข้ามาศึกษาเรียนรู้หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 03-9460-8000, 08-1945-3326 หรือ E-mail: chan3@doa.in.th และที่ Facebook : ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี(ทุ่งเพล)” นายชลธี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี