รายงานพิเศษ : ‘วิรัช พรหมมี’เกษตรกรGAPดีเด่นภาคใต้ตอนล่าง จากการส่งเสริมของ‘สวพ.8’

รายงานพิเศษ : ‘วิรัช พรหมมี’เกษตรกรGAPดีเด่นภาคใต้ตอนล่าง จากการส่งเสริมของ‘สวพ.8’

วันพฤหัสบดี ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

กรมวิชาการเกษตร เป็นหน่วยงานที่ให้การตรวจสอบและรับรองแหล่งผลิตพืช ตามระบบเกษตรดีที่เหมาะสม (Good AgriculturalPractice หรือ GAP) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ตามนโยบายอาหารปลอดภัย ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งผลผลิตพืชตามระบบ GAP เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย เป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

นายอนันต์ อักษรศรี ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและแรงจูงใจให้เกษตรกรเข้าสู่การผลิตตามระบบ GAP กระทรวงเกษตรฯ จึงได้กำหนดให้มีการคัดเลือก “เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาการให้วิชาการเกษตรดีที่เหมาะสม” ให้เป็นอีกหนึ่งสาขาที่จะได้เข้ารับพระราชทานโล่รางวัล ในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา โดยให้กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้คัดเลือกในแต่ละปี ซึ่งสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 ได้พิจารณาคัดเลือกเกษตรกร GAP ดีเด่นในปีงบประมาณ 2559 ได้แก่ นายวิรัช พรหมมี บ้านเลขที่ 124หมู่ที่ 1 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง


นางศิริกุล โกกิฬา ผอ.กลุ่มถ่ายทอดเทคโนโลยี สวพ.8ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายวิรัช พรหมมี เป็นคนจังหวัดตรัง โดยกำเนิด เดิมมีอาชีพเป็นครู แต่ครอบครัวทำสวนยาง เริ่มต้นทำเกษตรจากต้นมังคุดเพียง 9 ต้น ที่งอกขึ้นมาเองโดยไม่ได้ปลูก และด้วยเหตุผลที่มองว่ามังคุดปลูกง่ายและคงจะดูแลได้ไม่ยาก ประกอบกับในเวลานั้นเป็นช่วงที่ยางพาราหมดอายุกรีดพอดี จึงตัดสินใจปลูกมังคุดแซมยางพาราในปี 2528 พื้นที่ 9 ไร่ สภาพพื้นที่ปลูกมังคุดของลุงวิรัชโดยทั่วไปเป็นพื้นที่ราบ ลักษณะดินเป็นดินร่วน ดินมีความอุดมสมบูรณ์ดี ใช้ระยะปลูก 7 x 7 เมตร ได้ต้นมังคุด ประมาณ 200 ต้น การให้น้ำโดยทั่วไปอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก แต่ในระยะเวลาที่ฝนทิ้งช่วงในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน จะมีการใช้น้ำจากลำธารธรรมชาติ และประปาหมู่บ้าน โดยให้น้ำแบบระบบสายยาง หลังจากนั้นจะทำการงดน้ำในช่วงเดือนพฤษภาคม เพื่อกระตุ้นการออกดอก หลังจากออกดอกแล้วก็จะมีการให้น้ำและใส่ปุ๋ย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปุ๋ยอินทรีย์กับน้ำหมักชีวภาพเพื่อช่วยในการบำรุงต้น และช่วยในการปรับสภาพดินให้ดีขึ้น โดยจะซื้อปุ๋ยอินทรีย์แบบอัดเม็ด และเลือกใช้ปุ๋ยที่ได้มาตรฐาน มีเลขทะเบียนรับรองที่ชัดเจน ใส่ต้นละประมาณ 1-2 กิโลกรัม แต่ในส่วนของน้ำหมักจะนำผลผลิตเน่าเสียที่หล่นจากใต้ต้นมาผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพใช้เอง โดยจะใช้น้ำหมักในช่วงการติดดอก เพื่อให้ต้นมีความสมบูรณ์ไม่สลัดดอกทิ้งมากเกินไป ตลอดระยะเวลาที่ติดดอกออกผล มีการให้น้ำและปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งก่อนการเก็บเกี่ยวประมาณ 20-30 วัน ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อให้ผลผลิตมังคุดมีรสชาติที่ดี ในระหว่างนั้นจะมีการดูแลกำจัดวัชพืชภายในแปลงโดยใช้วิธีการตัดหญ้าแทนการใช้สารเคมี

นายวิรัชเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเดือนสิงหาคม ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน โดยในแต่ละปี มังคุดให้ผลผลิตประมาณ 10 ตันเป็นที่น่าพอใจมาก หลังจากมีการเก็บเกี่ยวแล้วจะทำการตัดแต่งกิ่งที่ไม่สมบูรณ์ออกแล้วทำลายทิ้งนอกแปลงปลูก เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง สามารถรับแสงแดดได้ทั่วถึง จากนั้นจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดต้นละประมาณ 2-3 กิโลกรัม และมีการใช้น้ำหมักที่ผลิตเองในการบำรุงลำต้นพร้อมกับการปรับสภาพดินเป็นการเตรียมต้นให้พร้อมสำหรับการผลิตในรุ่นต่อไป ในส่วนของสถานที่จัดเก็บปัจจัยการผลิตทางการเกษตรมีการจัดเก็บเป็นสัดส่วนเพื่อความสะดวกในการนำไปใช้และที่สำคัญตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติงานนายวิรัชจะมีการบันทึกข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เช่น การให้ปุ๋ย การให้น้ำ รายรับ รายจ่าย และการปฏิบัติงานอื่นๆ ภายในแปลง เพื่อเป็นข้อมูลที่ใช้ในการลดต้นทุนการผลิตในรอบต่อไป และนายวิรัชจะมีการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าในแปลงปลูกจะไม่มีการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรเลยก็ตาม

ด้านการตลาด นายวิรัชไม่จำเป็นต้องออกไปขายผลผลิตที่ตลาด เพราะมีพ่อค้ามารับซื้อแบบเหมาถึงสวน เนื่องจากพ่อค้าทราบว่าแปลงมังคุดของนายวิรัชได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP พืช ทำให้ในแต่ละปีนายวิรัช จะมีรายได้จากสวนมังคุด GAP อย่างน้อย 50,000-100,000 บาท ในขณะที่มีต้นทุนประมาณ 5,000-10,000 บาทเท่านั้น นับว่าเป็นรายได้ที่น่าพอใจ ซึ่งเมื่อมังคุดขายได้ราคาดีแล้ว นายวิรัชจึงมีความคิดที่จะปลูกพืชอื่นๆ แซม เช่น ทุเรียน ลองกอง กล้วย ขนุน ผักหวานป่า เพื่อนำมาบริโภคในครัวเรือน และผลผลิตที่เหลือก็สามรถขายเพื่อเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง จากการที่นายวิรัชมีการจัดการคุณภาพภายในแปลงดี มีความปลอดภัยและยังมีความเป็นผู้นำ ความเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม จึงได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นเกษตรกร GAP ดีเด่นของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 ในปีงบประมาณ 2559

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top