วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ทั้งน่าสงสัยและน่าตกใจไม่น้อยกับความเร่งรีบของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ได้จัดให้มีการประกวดราคาและเปิดซองประกวดราคาโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ซึ่งผลปรากฏว่า กลุ่มกิจการค้าร่วม เพาเวอร์ คอนสตรัคชั่น คอร์เปอเรชั่น ออฟ ไชน่า (Power Construction Corporation of China) กับ บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) คือ กลุ่มที่เสนอราคาต่ำสุดในกลุ่มเอกชนที่ยื่นซองประมูล
ความน่าสงสัยในเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ “ใคร” เป็นผู้จ่อคิวได้ประมูลงานก่อสร้างโครงการนี้ไป แต่อยู่ที่ทำไม กฟผ. ถึงต้อง “เร่งรัด” เปิดซองประมูล
เพราะถ้ายังจำกันได้ เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เพิ่งมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่ายขึ้นมา เพื่อพิจารณาศึกษาการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ หรืออาจจะเรียกได้ว่าจนถึงทุกวันนี้ โครงการนี้ได้ก่อให้เกิดความแตกแยกและสร้างกระแสคัดค้านอย่างรุนแรง ระหว่างกฟผ.กับประชาชนในพื้นที่ในนาม “เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน”
แม้กฟผ.จะพยายามบอกว่า การเปิดซองประมูลครั้งนี้ มีเจตนาแค่เพียงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และไม่มีผลผูกพันใดๆในทางกฎหมายทั้งสิ้น
แต่มันก็ยังมีคำถามตามมาว่า ณ เวลานี้มีความจำเป็นมากน้อยขนาดไหนที่จะต้องรีบสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน เพราะปัญหาเร่งด่วนเวลานี้ คือ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอันเป็นผลจากการวางแผนการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้กฟผ.เองก็ทราบดี ไม่ใช่ไม่เคยทราบ ดังนั้นถ้าผมเป็นนักลงทุน ผมก็คงมองว่าตราบใดที่ยังไม่สามารถจัดการปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ ตราบนั้นผมก็ยังคงไม่มีความมั่นใจใดๆ ทั้งสิ้น
ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อตามเหตุผลที่กฟผ.ยกขึ้นมาได้
ผมไม่ทราบนะครับว่า สิ่งที่เครือข่ายภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ มองการกระทำครั้งนี้ของ กฟผ. แท้จริงแล้ว เป็นความพยายามสร้างแรงกดดันต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ให้เห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และ รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลต้องอนุมัติโครงการในท้ายที่สุดหรือไม่
แต่สิ่งที่ผมกำลังรู้สึก ก็คือ การกระทำครั้งนี้ของ กฟผ. เหมือมกำลังประกาศว่า คณะกรรมการ 3 ฝ่ายและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา เป็นเพียง “หัวหลัก หัวตอ” ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยสำหรับ กฟผ. เพราะถ้าคิดจะให้เกียรติกันจริงๆ ก็ควรรอผลการศึกษาหรือข้อสรุปที่ชัดเจนจากคณะกรรมการชุดนี้เสียก่อน
แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้น คือ การทำให้ประชาชนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ “หัวหลัก หัวตอ” ที่ใครคิดจะเดินข้ามหัวไปยังไงก็ได้ ไม่ต้องฟังเสียง ไม่ต้องสนใจ จะเล่นละคร จะจัดฉาก จะตบตากันยังไงก็ได้
น่ากลัวนะครับความคิดแบบนี้ และคนที่เคยทำให้ประชาชนต้องคิดแบบนี้ ก็พังมาแล้วหลายคน
ไม่ได้ขู่นะครับ เพราะเวลานี้หลายคนเขาเริ่มคิดกันแล้ว
ระวังเถอะ ชาวบ้านเขาจะลุกฮือกันอีกรอบ
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี