พระปัญญาวุฒิ วุฑฺฒิโก (รุมรามัญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ตำบลบางขันหมาก อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า มอญเป็นชนชาติหนึ่งที่นับพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด และในวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี ชาวมอญก็จะมาทำบุญที่วัดตามปกติ โดยการนำอาหารคาวหวาน ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มมัดและดอกไม้ ธูปเทียน มาที่วัด เพื่อเป็นการทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลให้บรรพบุรุษและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว
นอกเหนือจากนั้น ชาวมอญ จะนำน้ำผึ้งมาใส่บาตร ชาวมอญบางท้องถิ่นก็มีการนำน้ำตาลมาใส่บาตรด้วย สาเหตุที่นำน้ำตาลทรายมาใส่บาตรนั้นก็คือ ทางวัดสามารถนำน้ำตาลทรายไปใช้กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ของทางวัดได้บางพื้นที่ก็จะถวายน้ำผึ้งเป็นขวด แต่ตามวิถีโบราณนั้น การตักบาตรน้ำผึ้ง ผู้ที่นำน้ำผึ้งมาตักบาตร ต้องนำน้ำผึ้งมารินใส่ในบาตร เหมือนกับการใส่บาตรอาหารคาวหวานทุกประการแต่เพียงใส่น้ำผึ้งเพียงอย่างเดียว
ในการตักบาตรน้ำผึ้ง ชาวมอญเชื่อกันว่าเป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์มาก เพราะน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ พระภิกษุสงฆ์นั้นก็จะนำน้ำผึ้งไปผสมกับยา และปั้นเป็นยาลูกกลอนฉันตอนพระภิกษุสงฆ์อาพาธ นอกจากนี้น้ำผึ้งยังเปรียบเสมือน ยารักษาโรค บำรุงร่างกายให้มีกำลัง น้ำผึ้งจัดเป็น ๑ ในเภสัชทาน ๕ ชนิด ได้แก่ น้ำผึ้ง เนยใส เนยข้น น้ำมัน และน้ำอ้อยซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นผลดีต่อสุขภาพที่พระสงฆ์พึ่งฉันได้ ปัจจุบันอนุโลมน้ำตาลเข้ามาร่วมด้วยถือว่ามาจากน้ำอ้อยนั่นเอง
คติความเชื่อของชาวมอญที่ถวายน้ำผึ้งแด่พระสงฆ์
(ตำนานที่ 1) สืบเนื่องมาจากตำนานที่ว่าได้มีพระปัจเจกกะโพธิ์รูปหนึ่งอาพาธประสงค์ที่จะได้นำน้ำผึ้งมาผสมโอสถ เพื่อบำบัดอาการอาพาธนั้น วันหนึ่งได้ไปบิณฑบาตในชนบทที่ใกล้กับชายป่ามีชาวบ้านป่าคนหนึ่งเกิดกุศลจิตหวังจะถวายทานแด่พระปัจเจกกะโพธิ์ จึงนำน้ำผึ้งที่ตนได้เก็บไว้มาถวาย ด้วยจิตศรัทธาที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้นและสูงส่ง ครั้นรินน้ำผึ้งลงไปในบาตร เกิดปรากฏการณ์อย่างอัศจรรย์ น้ำผึ้งเกิดเพิ่มพูนขึ้นจนเต็มบาตร และล้นบาตรในที่สุด ในขณะนั้นเองมีชาวบ้านผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงกำลังทอผ้าอยู่ เห็นความอัศจรรย์นั้น ด้วยจิตศรัทธาเกรงว่าน้ำผึ้งจะเปื้อนมือพระปัจเจกกะโพธิ์ จึงนำผ้าที่ทอเสร็จแล้วนำถวาย เพื่อใช้ซับน้ำผึ้งที่ล้นออกมาจากบาตร อานิสงส์ดังกล่าว ส่งผลให้ชายหนุ่ม เกิดในภพใหม่เป็นพระราชาที่เข้มแข็งมั่งคั่ง ส่วนหญิงสาวไปเกิดเป็นพระธิดาของกษัตริย์อีกเมืองหนึ่ง ที่มีความเข้มแข็งและมั่งคั่ง จากพุทธประวัติดังกล่าวจึงเกิดประเพณีตักบาตรน้ำผึ้งขึ้น รวมทั้งเกิดการถวายผ้ารองบาตรน้ำผึ้งด้วย ซึ่งบรรดาหญิงสาวจะช่วยกันปักผ้าอย่างสวยงาม ประณีต เพื่อถวายพระควบคู่กับการตักบาตรน้ำผึ้ง
(ตำนานที่ 2 ) อานิสงส์ในการถวายน้ำผึ้งนี้ มีตำนานที่เกี่ยวกับ พระฉิมพลี หรือ พระสิวลี อีกทางหนึ่งที่ว่าในอดีตกาลครั้งที่สมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระวิปัสสี พระสิวลีได้ถือกำเนิดเป็นชาวบ้านนอกในชนบท วันหนึ่งได้ไปในเมืองระหว่างทางกลางป่านั้น ได้พบรวงผึ้งจึงได้ไล่ตัวผึ้งให้หนีไปแล้วตัดกิ่งไม้ถือรวงผึ้งเข้าไปในเมือง
ขณะนั้นเองในพระนคร พระราชาและชาวเมืองต่างแข่งกันทำบุญถวายทานแด่พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยขณะสงฆ์ ทั้งพระราชาและชาวบ้านต่างแข่งขันกันจัดสรรสิ่งของวัตถุทานอันประณีตมาถวาย เมื่อชาวบ้านที่ถือรวงผึ้งมาจากป่า เดินผ่านเข้าประตูมา คนที่เฝ้าประตูเห็นรวงผึ้ง ซึ่งไม่มีใครนำมาถวายพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน จึงขอซื้อรวงผึ้งนั้น ชาวเมืองต่างปลื้มปิติรับ 'สาธุ' ยินดีกับเจ้าของรวงผึ้งนั้น
ด้วยอานิสงส์ในการถวายรวงผึ้งในครั้งนั้น เมื่อสิ้นอายุขัยของชายผู้ที่เป็นเจ้าของน้ำผึ้งได้ไปบังเกิดในเทวโลก ท่องเที่ยวเสวยสุขอยู่ได้ช้านาน จึงจุติมาเป็นพระราชาในกรุงพาราณสี และเมื่อพระราชาสิ้นพระชนม์แล้วได้อุบัติมาเป็นพระราชกุมารในพระมหาราชวงศ์ศากยราช ทรงพระนามว่าสิวลีกุมาร และเมื่อเจริญวัยได้ออกผนวช ในสำนักของท่านพระสารีบุตร จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ และสมบูรณ์ด้วยปัจจัยลาภ พระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงยกย่องว่า “ท่านเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในเรื่องของผู้มีลาภ”
ไม่ว่าในการตักบาตรน้ำผึ้ง จะมีตำนานแบบไหนก็แล้วแต่ ชาวมอญยังมีการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและยังทำบุญทำกุศลอย่างมิได้ขาด สิ่งสำคัญในการทำบุญนั้นต้องมีจิตใจที่เป็นกุศล เพราะชาวมอญเชื่อกันว่าการทำบุญที่เป็นกุศลนั้นจะส่งผลบุญกุศลให้แก่บรรพบุรุษญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วได้สุขสบาย และยังส่งผลให้ตนเองเป็นกำลังในการออมบุญซึ่งเป็นอานิสงส์ไว้ในชาติภพหน้าให้สุขสบาย
อย่างไรก็แล้วแต่ชุมชนมอญในแต่ละที่ ชาวมอญยังสืบทอดปฏิบัติ ในวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้งมิให้สูญหายไปจากชุมชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี