จากกรณีกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พบหญิงตั้งครรภ์คลอดทารกศีรษะเล็กจำนวน 3 ราย และทารกในครรภ์อีก 1 ราย ที่ยังไม่คลอด แต่มีความเสี่ยงศีรษะเล็ก โดยยังไม่ยืนยันว่า ติดจากเชื้อไวรัสซิกาหรือไม่ โดยได้รอผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการ และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการวิชาการด้านโรคติดเชื้อไวรัสซิกา
30 ก.ย.59 ที่กรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค(คร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ด้านระบาดวิทยา กุมารแพทย์ เวชศาสตร์ป้องกันโรค ฯลฯ ซึ่งเป็นคณะกรรมการด้านวิชาการที่เกิดขึ้นตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยได้พิจารณากรณีทารกศีรษะเล็กเกิดจากเชื้อไวรัสซิกาหรือไม่ พร้อมทั้งหาแนวทางป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว ได้ส่งตรวจปัสสาวะ และน้ำเหลือง ของทารกที่คลอดแล้ว 3 ราย พบว่า รายแรก มีการยืนยันจากการตรวจน้ำเหลืองด้วยการตรวจหาภูมิคุ้มกันขั้นต้นที่จำเพาะต่อการติดเชื้ออย่างใดอย่างหนึ่ง หรือที่เรียกว่า ไอจีเอ็ม (IgM) พบว่า ผลเป็นบวก ซึ่งแสดงว่า มารดาติดเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ และรายที่ 2 ตรวจปัสสาวะด้วยเทคนิคพีซีอาร์ ซึ่งเป็นกระบวนการสังเคราะห์ชิ้นส่วนดีเอ็นเอ พบผลเป็นบวก พบว่า มารดาติดเชื้อ และมีผื่นเกิดขึ้น แต่เป็นการสอบถามย้อนหลัง ขณะที่รายที่ 3 มีภาวะศีรษะเล็ก แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องรอผลทางห้องปฏิบัติการยืนยันอีกครั้ง เนื่องจากภาวะศีรษะเล็ก ไม่ได้เกิดจากซิกาเท่านั้น แต่ยังเกิดจากเชื้ออื่นๆ อีก อาทิ ซิฟิลิส หัดเยอรมัน ไวรัสเริม หรือเกิดจากมารดาสัมผัสสารเคมี สารพิษ สารหนู ปรอท ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ รวมไปถึงความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด เป็นพันธุกรรม เป็นต้น สำหรับรายที่ 4 แม่ติดเชื้อซิกา แต่ไม่มีอาการ ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันว่า เด็กมีภาวะศีรษะเล็กในครรภ์ได้ ต้องติดตามต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถยืนยันได้หรือไม่ว่า ทารกศีรษะเล็ก 2 ราย เกิดจากซิกา ถือเป็น 2 รายแรกของไทย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีการตรวจหาเชื้อดังกล่าวในเด็กศีรษะเล็กของประเทศไทย แต่ปีนี้มีความเข้มข้นในการตรวจหาเชื้อมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาไม่เคยตรวจ จึงไม่ทราบว่ามีมาก่อนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เด็กศีรษะเล็กจากซิกาถือเป็นเรื่องใหม่ ยังไม่มีข้อมูลวิชาการการศึกษาใดๆ ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาเคยมีข้อมูลกว้าง ไม่จำเพาะว่า เกิดจากซิกา โดยโอกาสเด็กศีรษะเล็กอาจเกิดได 2-12 รายต่อเด็กเกิดมีชีพจำนวน 10,000 ราย ขณะที่ประเทศ ปี2557 มีทารกศีรษะเล็ก 31 ราย คิดเป็น 4.36 รายต่อเด็กเกิดมีชีพแสนราย และมีเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่า มีภาวะศีรษะเล็ก 159 ราย คิดเป็นความชุกที่ 22.34 รายต่อ ประชากรแสนราย
"สรุปในประเทศไทยมีเด็กศีรษะเล็กจากซิกา 2 ราย ซึ่งเป็นไปตามที่ทางอเมริกาใต้เคยพบเด็กหัวเล็กจากซิกา 1-30 % โดยไทยหากพบ 1% จะพบประมาณ 3 ราย แต่ขณะนี้พบ 2 ราย ทางคณะกรรมการวิชาการฯ จึงเสนอขอให้ทางกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ 1.เฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสซิกาในหญิงตั้งครรภ์อย่างเข้มข้นต่อไป 2.ต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติม โดยการปรับปรุงแนวทางการจัดการหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ในพื้นที่พบผู้ป่วยซิกาให้เข้มข้นมากขึ้น และต้องมีระบบคัดกรองเด็กศีรษะเล็กในพื้นที่ที่พบผู้ป่วย และ 3.ให้ตั้งคณะกรรมการจัดการแนวทางของหญิงตั้งครรภ์ที่สงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสซิกา หรืออาศัยในพื้นที่ที่มีการติดเชื้อไวรัสซิกา โดยมี นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ เป็นประธาน จัดทำแนวทางดังกล่าว" ประธานกรรมการฯ กล่าว
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญขอให้ประชาชนช่วยกันกำจัดแหล่งลูกน้ำยุงลาย ช่วยกันกำจัดเสียตั้งแต่ในบ้าน เพราะอยู่ในบ้านท่าน ไม่มีใครเข้าไปทำได้ และหญิงตั้งครรภ์ก็ต้องป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด เช่น ทากันยุง สวมเสื้อผ้ามิดชิด และหญิงตั้งครรภ์ตลอดตั้งครรภ์ต้องป้องกันไวรัสซิกา หากมีเพศสัมพันธ์กับสามีต้องให้คู่สวมถุงยางอนามัย
ส่วนศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ (ซีดีซี) รายงานว่ามี 11 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบเชื้อซิกา รวมทั้งไทย และให้หญิงตั้งครรภ์ระวังการเดินทาง ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า มีความเสี่ยงทุกประเทศทั่วโลก แม้แต่สหรัฐก็พบทารกที่คลอดออกมามีศีรษะเล็กมา 1 ปี ซึ่งเจอเกือบทุกรัฐ รวมทั้งเตือนหญิงตั้งครรภ์ไม่ให้เดินทางข้ามรัฐ เช่น ฟอลิด้า และไมอามี จึงถือว่าทุกประเทศเสี่ยงเท่ากันหมด
นพ.ทวี กล่าวว่า สำหรับแนวทางการจัดการหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อซิกานั้น จริงๆ มีการจัดทำไว้แล้ว แต่กรณีนี้จะเจาะลึกลงไปกรณีที่หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ซึ่งจะเข้าข่ายเหมือนกรณีล่าสุด มี 1 รายพบเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ จะทราบก็ต่อเมื่อซักถามย้อนหลังจนพบว่า มีผื่นขึ้น เรื่องนี้สำคัญมาก เนื่องจากร้อยละ 80 ไม่แสดงอาการ ก็ต้องมาพิจารณาว่า จะมีแนวทางวินิจฉัยอย่างไร รวมไปถึงเมื่อตั้งครรภ์แล้วจะทราบได้เมื่อไรว่า ทารกมีความเสี่ยง ซึ่งจะพิจารณาถึงกรณีการยุติการตั้งครรภ์ เพราะมีเรื่องข้อกฎหมาย เรื่องของจิตใจอีก ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์โรคติดเชื้อ โรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คนปกติในผู้ใหญ่ เด็ก ทุกเพศทุกวัยยังต้องระวังเรื่องไขเส้นหลังอักเสบ และสมองอักเสบ ซึ่งมีอาการหายใจไม่ค่อยได้ แขนขาอ่อนแรง พบว่ามีคนไทยป่วยแล้ว 1 ราย มีสาเหตุจากซิกา แต่รายนี้รักษาหายดีแล้ว ดังนั้น ทุกคนต้องระวังอย่าให้ยุงกัดเป็นดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี