ความก้าวหน้าในภาคสังคม หัวใจหลักที่สุดของการพัฒนาคือ ต้องมี “ทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า” เพราะสังคมโลกนับแต่วันนี้เป็นต้นไป มนุษย์จะเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ให้เป็นไปตามที่มนุษย์ต้องการ
ทำให้เราได้เห็นว่า ความแปลกใหม่ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งในสิ่งที่เป็นรูปธรรม หรือ ไม่เป็นรูปธรรม เกิดจากมันสมองของมนุษย์ทั้งสิ้น
ในงานเสวนาเรื่อง “การปฏิรูปสังคมไทยสู่สังคมนวัตกรรม”ที่ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Innovation Hub) จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้เราได้พบว่า ในการพัฒนาที่จับต้องได้ “นวัตกรรม” ถือเป็นหัวใจหลักที่สังคมกำลังจับตามองกันมากที่สุด เพราะนวัตกรรม คือ สิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นขึ้นมาใหม่เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ในงานเสวนาวันนั้น มีผู้ทรงวุฒิหลายท่าน ที่แสดงความเห็นในเรื่องของ นวัตกรรม ที่ทำให้เราต้อง “เก็บมาคิด”หลายอย่าง ดังต่อไปนี้
“ในด้านความจำเป็น”
ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดี จุฬาฯ กล่าวว่านวัตกรรมไม่ใช่แค่การประดิษฐ์สิ่งใหม่ ให้เกิดขึ้นเท่านั้นแต่ต้องมีการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และทำให้เกิดมีผลกระทบต่อสังคมด้วย ในฐานะสถาบันการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีบทบาทในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมนวัตกรรม คือการเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่มีความสามารถได้มีโอกาสแสดงศักยภาพและต่อยอดศักยภาพนั้นออกไป บทบาทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ได้เปิดโอกาสให้เฉพาะชาวจุฬาฯเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้คนเก่ง คนดี และมีไฟ มาร่วมกันสร้างนวัตกรรมออกสู่สังคมไทย ขยายไปสู่สังคมอาเซียนและสังคมโลก โดยใช้พื้นที่ CU Innovation Hub ที่จุฬาฯจัดตั้งขึ้น
ในด้านการกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
คุณเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ให้ความเห็นว่า สังคมนวัตกรรมถือเป็นความอยู่รอดของประเทศไทย ซึ่งการที่จะขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมนวัตกรรมได้นั้น “ระบบนิเวศนวัตกรรม” เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันปรับสภาพแวดล้อมในการสนับสนุนบรรยากาศการสร้างความคิดสร้างสรรค์และต่อยอดความคิดสร้างสรรค์นั้นออกไป การสนับสนุนเกิดได้สองทาง อย่างแรก คือการริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ บางครั้งอาจไม่สำเร็จ หรือล้มเหลว เราต้องให้อภัยความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้เพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่จะตามมา เพราะการที่จะไปถึงขั้นสุดท้ายที่จะเป็นนวัตกรรมออกมาได้ ต้องผ่านกระบวนการลองผิดลองถูกซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่างที่สองคือต้องมีกระบวนการสนับสนุนให้แนวคิดนั้นต่อยอดไปได้ ทั้งเรื่องเวลา เรื่องคน เรื่องเงิน
ในด้านของการนำไปใช้
คุณกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการและประธานที่ปรึกษา ฝ่ายจัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และหัวหน้าทีมภาคเอกชน คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ด้านการยกระดับนวัตกรรมและผลิตภาพ ให้ความเห็นว่า สังคมนวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งความร่วมมือจากภายในหน่วยงานเดียวกันและต่างหน่วยงาน เนื่องจากนวัตกรรมไม่ได้เกิดขึ้นจากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง สังคมไทยจะต้องยอมรับการถกเถียงและแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น สังคมนวัตกรรมต้องกล้าที่จะมีการดีเบตในประเด็นต่างๆ และรับฟังความคิดเห็น คนไทยเอง ก็จะต้องเรียนรู้ อาจเริ่มจากสังคมระดับเล็ก คือ สังคมครอบครัวหรือโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ต้องยอมให้ลูกเห็นต่างได้ นักเรียนต้องสามารถเห็นต่างจากคุณครูได้
ในด้านของการลงทุน
คุณศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และหัวหน้าทีมภาคเอกชน คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ เน้นย้ำว่า นวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้ คนต้องกล้าคิดทำเรื่องใหม่ การสร้างนวัตกรรมเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ประเทศต้องยอมลงทุนสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่ดี ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นบนการบริหารความเสี่ยงที่ดี เพราะความล้มเหลวเป็นบันไดสำคัญของความสำเร็จ เมื่อรู้จักเรียนรู้บทเรียนจากความล้มเหลวนั้นรวมทั้งต้องบ่มเพาะให้เด็ก มีความรู้ความสามารถ ควบคู่ไปกับการที่ภาครัฐสร้างกลไกสนับสนุนต่างๆ ที่เหมาะสม
ในด้านอื่นๆ ที่จะต้องช่วยกัน
คุณลลิต ถนอมสิงห์ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า มูลนิธิชัยพัฒนาทำงานด้านนวัตกรรมมาโดยตลอด โดยสิ่งที่มูลนิธิฯถือเป็นต้นแบบปฏิบัติคือแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางรากฐานไว้ การสร้างสังคมนวัตกรรมนั้นนอกจากนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีแล้ว อีกด้านที่สำคัญมากที่ต้องสร้างและพัฒนาให้เกิดขึ้นคือนวัตกรรมทางสังคม
คุณสุทธิชัย หยุ่น กูรูทางด้านสื่อสารมวลชน กล่าวว่า สังคมไทยต้องปรับวัฒนธรรมบางอย่าง ที่เป็นอุปสรรคต่อการเกิดนวัตกรรม โดยจะต้องสร้างสังคมที่กล้าตั้งคำถาม ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ และตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นสังคมนวัตกรรมอย่างจริงจัง
ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวทำให้เห็นว่า เครือข่ายของการสร้างนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสังคม ต้องโยงใยเชื่อมโยงกันไม่ต่างจาก
ใยแมงมุม ที่จะต้องวิ่งเข้าสู่เป้าหมายเดียวกันอันเป็นศูนย์กลาง หรือ หัวใจของนวัตกรรม
ซึ่งหากมองไปถึงองคาพยพของ CU Innovation Hub หรือ “ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ที่มีเป้าหมายหลักในการส่งเสริม นวัตกรและนวัตกรรม สร้างเสริมสังคมไทยสู่วิถีใหม่ในการใช้ชีวิต การเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมไทย จึงเป็น หน่วยหนึ่งของความสำคัญในการสร้าง นวัตกรรมให้ยั่งยืนและมั่นคง
ทั้งนี้ ทาง CU Innovation Hub ได้จัดทำ กิจกรรมหลัก ใน 4 ด้าน คือ Academy หลักสูตรเพิ่มพูนความรู้และทักษะที่จำเป็น, Incubation การบ่มเพาะความคิดสู่คำตอบและต้นแบบพร้อมต่อยอดออกสู่ตลาด Acceleration เร่งผลงานออกสู่ตลาดในวงกว้าง และ Outreach สื่อสารบริการนวัตกรรมสู่สาธารณะ ศูนย์กลางตลาดนวัตกรรมในจุดเดียว
เป้าหมายในชีวิตของคนทุกคนในวันนี้ หากเราต้องการสร้างอนาคตให้กับลูกหลาน สิ่งเดียวที่พ่อแม่พึงกระทำที่สุดคือ บ่มเพาะให้ลูกหลานเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มี “มันสมอง”เพราะทรัพย์สมบัติ แม้คุณจะมีมากเท่าไร ยิ่งใช้มันก็ยิ่งหมดไป แต่มันสมองคุณยิ่งใช้ มันจะยิ่งงอกงามมากขึ้น
ชนิตร ภู่กาญจน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี