3 ต.ค.59 นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ตนเตรียมจะเสนอแผนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างครบวงจร ให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณา โดยแผนยุทธศาสตร์ฯดังกล่าว เป็นการศึกษาวิจัยแนวทางแก้ปัญหาหนี้สินครู ซึ่งเคยเสนอให้สำนักงานสกสค.พิจารณา ตั้งแต่ปี 2554 โดยหลักการ คือ จะรวมกลุ่มสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้ครูทั้งหมด อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย สหกรณ์ออมทรัพย์ประเภทต่างๆ มาทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือเอ็มโอยู ในการปล่อยกู้ให้กับครูในอัตราดอกเบี้ยต่ำลักษณะเดียวกับการรีไฟล์แนนซ์ หรือรวมหนี้จากที่ต่างๆ ให้มาอยู่ในก้อนเดียว แต่มีข้อแม้ว่า หากครูตัดสินใจมากู้เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินกับโครงการนี้แล้ว จะไม่สามารถไปกู้เงินจากสถาบันการเงินใดได้อีก เพื่อไม่ให้ครูไปก่อหนี้เพิ่ม
ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.กล่าวต่อว่า แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะแยกกลุ่มครูที่เป็นหนี้ออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มหนี้วิกฤติ ที่ต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ลักษณะหากไม่ช่วยก็อาจจะจมน้ำถึงขั้นจบชีวิตราชการ ซึ่งจากการสำรวจในช่วงปี 2553-2554 พบว่า มีครูที่มีหนี้ขั้นวิกฤติอยู่ประมาณ 7,000-8,000 คน ยอดหนี้รวมประมาณ 20,000 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วเป็นหนี้รายละ 2,000,000 บาท กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มลูกหนี้ชั้นดี คือมีหนี้แต่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ไม่เดือนร้อน และกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มลูกหนี้ชั้นกลาง ซึ่งกลุ่มนี้มีอยู่จำนวนมากคือประมาณ 70-80% ของจำนวนครูที่เป็นหนี้ทั้งระบบและพร้อมที่จะย้ายไปในสถาบันการเงินแหล่งใหม่ใดก็ได้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าที่เดิม ทั้งนี้ ตนจะตั้งคณะงานฯ เพื่อศึกษาและทบทวนแผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 เดือน ก่อนนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณา หากให้ความเห็นชอบ ก็จะจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอให้คณะกรรมการสกสค. พิจารณาต่อไป
“การแก้ปัญหาหนี้สินครูจะต้องทำแบบครบวงจร หากปล่อยให้ครูมีโอกาสไปกู้เพิ่มได้อีก ปัญหาก็จะไม่จบสิ้น เหมือนสุนัขไล่งับหางตัวเอง นอกจากนั้น จะนำเงินส่วนต่างที่สถาบันการเงินจะหักให้ เพื่อเป็นค่าบริหารจัดการเข้ากองทุนครูของแผนดิน เพื่อนำเงินมาใช้ในการพัฒนาครูในด้านต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเงินดังกล่าว ธนาคารออมสินหักเข้ากองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้โครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) แต่มีการนำเงินส่วนต่างไปใช้หักหนี้ให้กับครูที่ค้างชำระ ทำให้ครูไม่ยอมชำระหนี้เพราะคิดว่ามีกองทุนเงินสนับสนุนฯใช้หนี้แทน ดับนั้น หากผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นชอบแผนนี้ ก็อาจจะเริ่มต้นเดินหน้าปล่อยกู้ในโครงการ ช.พ.ค.7 ที่ชะลออยู่ ให้กับครู คาดว่าปัจจุบันมีจำนวนครูที่เป็นหนี้ขั้นวิกฤตอยู่ประมาณ 10,000 คน” นายพิษณุ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนยังได้ขออนุญาตระดับนโยบาย ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการดำเนินการของสำนักงาน สกสค.ในเรื่องต่างๆ และหากเห็นว่ามีเรื่องใดในสำนักงาน สกสค. ที่ต้องปรับปรุงแก้ไขจะได้มีข้อมูลในการนำเสนอ ไม่ใช่เสนอแก้ปัญหาอะไรแบบไม่มีข้อมูล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี