คำถาม ผมอยู่บนพื้นที่ลาดชันในภาคเหนือต้องการทราบวิธีปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ ขอคำแนะนำด้วยครับ
สมพงษ์ คงสมจันทร์
อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
คำตอบ การเสื่อมโทรมของทรัพยากรดินบนพื้นที่ลาดชันในภาคเหนือ นับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น อันเกิดจากการใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่ลาดชันอย่างผิดวิธี และต่อเนื่องเป็นเวลานาน ขาดปรับปรุงบำรุงดินและปลูกพืชที่เหมาะสม ผลที่ตามมาก็คือ ปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน และการเสื่อมโทรมของที่ดินอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลผลิตพืชแต่ละปีลดต่ำลง
เกษตรกรควรศึกษาและทำความเข้าใจระบบการปลูกพืชเชิงอนุรักษ์ และการปลูกพืชแบบผสมผสานบนพื้นที่ลาดชันให้มากขึ้น จะสามารถช่วยให้เกษตรกรได้ใช้พื้นที่ดิน เพื่อการเกษตรได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยลดปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน ช่วยปรับปรุงบำรุงดินให้ดีขึ้น และสามารถเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
ขั้นตอนการปลูกพืชบนพื้นที่ลาดชัน
1.การปลูกแถบพืช โดยการปลูกพืชเป็นแถบขวางความลาดชันของพื้นที่เป็นระยะๆ ระยะห่างระหว่างแถบขึ้นอยู่กับความลาดชันของพื้นที่ ซึ่งปกติที่ความลาดชัน 30-40% แนะนำให้ใช้ระยะห่างตามแนวดิ่ง ประมาณ 3 เมตร หรือระยะห่างตามแนวราบ 8-10 เมตร แล้วแต่ความเหมาะสมสำหรับพืชที่ใช้ปลูก จะมี 2 ประเภท คือ
1) การใช้หญ้าแฝก โดยการปลูกหญ้าแฝกเป็นแถบขวางความลาดชันของพื้นที่ โดยการปลูกเป็นแถวเดี่ยว ระยะห่างกัน 8-10 เมตร ที่ความลาดชัน 20-30% แนะนำให้ปลูกเป็นแถวเดี่ยว ระยะปลูกระหว่างหลุมห่างกัน 5-10 เซนติเมตร การดูแลรักษาแถบหญ้าแฝกควรมีการตัดแต่งใบทุกๆ 3-4 เดือน เพื่อเอาเศษหญ้าแ้กไปใช้คลุมดิน หรือนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ตามความต้องการ เช่น ทำปุ๋ยหมัก หรือเครื่องจักสาน
2) การใช้ไม้พุ่มบำรุงดิน ได้แก่ การใช้เมล็ดกระถิน ถั่วมะแฮะ ถั่วมะแฮะนก ครามป่า หรือแคฝรั่ง โดยการปลูกเป็นแถวคู่ห่างกัน 50 เซนติเมตร ขวางความลาดชันของพื้นที่ อาจปลูกพืชมากกว่าหนึ่งชนิด ปลูกผสมกันในแถบก็ได้ เช่น การใช้เมล็ดกระถิน และถั่วมะแฮะผสมกันในอัตรา 1:1 การดูแลแถบไม้พุ่มบำรุงดิน ควรตัดแต่งใบและกิ่ง ที่ระดับ 1 เมตร เหนือพื้นดินทุกเดือน ในช่วงฤดูปลูกพืชเพื่อไม่ให้ไม้พุ่มเหล่านี้ บังแสงแดดพืชที่ปลูกแถบไม้พุ่มบำรุงดิน นอกจากจะช่วยชะลอความเร็วของน้ำ และช่วยดักตะกอนดินให้อยู่ในพื้นที่ แล้วยังใช้ใบเป็นแหล่งของปุ๋ยพืชสด เพื่อการปรับปรุงบำรุงดิน และใช้เลี้ยงสัตว์ได้
2.การปลูกพืชแบบผสมผสาน ควรจะเลือกชนิดพืชตามความต้องการของเกษตรกรและตลาดในท้องถิ่น พืชที่ปลูก ควรมีทั้งพืชไร่ พืชผัก ไม้ดอก และไม้ผล เกษตรกรควรจะปลูกพืชตระกูลถั่วชนิดที่กินได้ขายได้ ปลูกหมุนเวียนเป็นพืชครั้งที่สองทุกปี เช่น ถั่วแปยี ถั่วแดงหลวง ถั่วดำ และถั่วนิ้วนางแดง เพื่อการปรับปรุงดินด้วย สำหรับวิธีการปลูก อาจใช้ระบบการปลูกแบบสลับเป็นแถบ
สิ่งที่เกษตรกรควรรู้ คือ การปลูกพืชครั้งที่สองแบบไม่เตรียมดิน โดยทำการกระทุ้งหลุมปลูกพืช การใช้เศษเหลือของพืชฤดูแรกเป็นวัสดุคลุมดิน และบำรุงดินในพืชครั้งที่สอง หรือการทิ้งเศษเหลือของพืชทุกชนิดคลุมดินหลังจากการเก็บเกี่ยวแล้ว เพื่อใช้เป็นวัสดุปรับปรุงบำรุงดิน โดยไม่ต้องเผาทิ้ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุให้กับดิน และหลีกเลี่ยงการปลูกพืชชนิดเดียวกันซ้ำที่เดิม เพื่อลดการสะสมปัญหาของโรคและแมลง
ข้อดีของการปลูกพืชวิธีนี้ จะช่วยลดการชะล้างพังทลายของผิวหน้าดินได้ดี ช่วยปรับปรุงบำรุงดินให้ดีขึ้น ทำให้เกษตรกรใช้พื้นที่ได้อย่างถาวรตลอดไป ช่วยปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้กับเกษตร ลงทุนต่ำ ลดความเสี่ยง และเกษตรกรสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง
นาย รัตวิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี