การเขียนแผนที่ เส้นทางชีวิตให้คนไทยเดินของรัฐบาลชุดนี้ ที่เรียกว่า 4.0 เป็นการแนะนำส่งเสริมที่ให้คนทั้งประเทศ มุ่งเข้าสู่ ยุคของการใช้เทคโนโลยี มาเป็นตัวนำทางชีวิต ซึ่งมีจุดเด่นที่ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นหัวใจของการดำเนินชีวิตของคนทุกคนบนโลกใบนี้ ที่เรียกกันว่า เป็นภาคเศรษฐกิจ
เป็นที่ยอมรับกันอย่างไม่มีใครค้านว่า เทคโนโลยี เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต ที่สร้าง สิ่งใหม่ๆ หรือ นวัตกรรม ให้เกิดขึ้นเพื่อ อำนายความสะดวก และพัฒนางานต่างๆ ให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ในสังคมวันนี้ แม้แต่คนแก่คนเฒ่าก็ยังขาดไม่ได้ที่จะต้องเรียนรู้กับนวัตกรรมที่เกิดขึ้นมา เพราะนวัตกรรมกลายเป็นปัจจัยสำคัญของการดำเนินชีวิตไปแล้ว
จากการที่มีข่าวว่าคณะวิทยาการและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร และบริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอที ได้ประกาศลงนามความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางวิชาการ เน้นการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมเทคโนโลยี พร้อมก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 นั่นก็หมายความว่า ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และเอกชน ต่างเห็นด้วยและพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทาง 4.0 เช่นกัน
รองศาสตราจารย์ ดร.สุเจตน์จันทรังษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ให้ความเห็นว่า ที่ภาครัฐต้องการให้ประเทศไทยเดินอยู่บนเส้นทาง 4.0 หมายถึง แนวคิดที่จะสร้าง Value-Based Economy หรือ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ซึ่งจะทำให้ ทุกหน่วยงานต้องปรับและพัฒนาทั้งในด้านบุคลากร ผลิตภัณฑ์และบริการเชิงนวัตกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หรือบริการด้านเทคโนโลยีที่จะต้องก้าวสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกล หรือระบบเครือข่ายที่มีเสถียรภาพ ปลอดภัย และรวดเร็ว เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้สถาบันได้นำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญมาถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนให้แก่ภาคเอกชน และเปิดโอกาสให้แก่ภาคเอกชนได้พัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรและภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งได้ร่วมกันศึกษาและวิจัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเครือข่าย นำไปสู่การพัฒนาประเทศให้สามารถแข่งขันและทัดเทียมกับอารยประเทศ นั่นเอง และท่านอธิการบดียังย้ำให้ทราบว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสาขาเทคโนโลยีและวิศวกรรมเชิงนวัตกรรมสร้างสรรค์ ที่จะสร้างความมั่นใจและรับประกันผลสำเร็จของการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีทันสมัย นำไปสู่การดำเนินธุรกิจขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
จากคำกล่าว และแนวคิดของทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่เห็นพ้องต้องกันว่า เส้นทางของคนไทยทั้งประเทศ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงที่จะเดินไปบนเส้นทาง 4.0 ได้อย่างแน่นอน ทำให้ ต้องเก็บมาคิด ต่อยอดของอนาคต 4.0 ออกไปถึงผลประโยชน์อื่นๆ ที่จะตามเข้ามาโดยอัตโนมัติ นั่นคือ “สภาวะแห่งวินัย และ คุณธรรม”
รูปธรรมที่เห็นกันง่ายๆ ถึงสภาวะวินัยและคุณธรรมจะติดตามมา เมื่อคนไทยเดินก้าวพ้นเส้นทาง 4.0 คือ หมายถึงว่า เมื่อคนไทย ส่วนใหญ่พบกับความสำเร็จต่อการนำ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้กับชีวิตประจำวันแล้ว รูปแบบของการใช้ชีวิตก็จะต้องถูกปรับเปลี่ยนไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับการดำเนินชีวิต
ตัวอย่าง ในภาคส่วนของการทำธุรกิจ เมื่อภาคธุรกิจ นำเอานวัตกรรมเข้ามาใช้ในการดำเนินการ อย่างเช่น ในเรื่องของการค้าขาย การเงิน ซึ่งมีแนวโน้มให้เห็นตั้งแต่บัดนี้แล้วว่า การใช้เงิน การฝากถอนเงิน การซื้อสินค้า เริ่มหันมาใช้ระบบ นวัตกรรม ที่สื่อสารกันด้วย นวัตกรรมใหม่ๆ โดยไม่จำเป็นต้องไปเห็นหน้าเห็นตากันเหมือนยุคก่อนๆ ซึ่งเมื่อสภาวะการทำธุรกิจ เป็นเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สร้างความน่าเชื่อถือ และการสร้างความประทับ จึงอยู่ที่ ความซื่อสัตย์ และการมีวินัย
พูดกันง่ายคือ เมื่อการทำธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าเห็นตัว หรือไม่จำเป็นต้อง “ยื่นหมูยื่นแมว” กันแล้ว ความซื่อสัตย์ และวินัยจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกคนต้องปลูกฝังให้กับตัวเอง และการทำธุรกิจ ซึ่งก็เท่ากับว่า ทุกคนต้องสร้าง วินัยและคุณธรรมให้กับตัวเอง และองค์กรเพื่อการอยู่รอด
สำหรับในภาคส่วนของการศึกษา เมื่อการศึกษา ส่งเสริมสนับสนุนให้การเรียนทางด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเข้าไปสู่จิตวิญญาณของเยาวชนแล้ว ย่อมเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนของชาติรู้จักการใช้สมอง รู้จักการวิเคราะห์ พิจารณาอย่างเป็นระบบ ไม่เพ้อเจ้อ หรือมโนอย่างไร้สาระ
ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะพ้องจองและกลมกลืนไปกับยุค 4.0 ของประเทศไทยได้อย่างน่าปลาบปลื้ม ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า รัฐบาลชุดนี้จะนำพาให้คนไทยทั้งประเทศเดินก้าวพ้นเส้นทาง 4.0 ได้ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศชุดใหม่หรือเปล่าเท่านั้นเอง เพราะโลกนี้ อนิจจังมันไม่เที่ยง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี