วันก่อนเห็นภาพประกอบข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ แทบจำไม่ได้ อธิบดีกรมปศุสัตว์ น.สพ.อภัย สุทธิสังข์ ถอดเสื้อผ้าไหม กางเกงสแล็ค แขวนไว้ที่ไหนไม่รู้ คว้าเสื้อยีนส์ กางเกงยีนส์มาสวมแทน ลงไปลุยพื้นที่ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ของท่านเลขาธิการ สมปอง อินทร์ทอง ยึดคืนมาจากนายทุนกว่า 1,200 ไร่ นำมาจัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อส่งมอบให้คณะกรรมการจัดการที่ดินแห่งชาติ หรือ คทช. ต่อไป
อธิบดี อภัย สุทธิสังข์ บอกว่า พื้นที่ดังกล่าวเหมาะที่จะเลี้ยงแพะ โดยอาจจะทำเป็นสหกรณ์แพะเนื้อ และนิคมสหกรณ์แพะนม โดยจะจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรรายละ 5 ไร่ มีพื้นที่ปลูกหญ้าสำหรับเลี้ยงแพะเป็นแปลงรวม มีพื้นที่ส่วนหนึ่งทำเป็นตลาด และพื้นที่อีกส่วนหนึ่งกันไว้เป็นพื้นที่ป่า
อาจเป็นเพราะมีประสบการณ์จากการเป็นอธิบดีกรมหม่อนไหมมา 2 ปี จึงปิ๊งไอเดีย มีโครงการจะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหม่อนเพื่อเลี้ยงแพะด้วย โดยยืนยันว่า หม่อนเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหาร มีโปรตีนสูงกว่ากระถิน และหญ้าที่ใช้เลี้ยงแพะ นอกจากนี้ ยังฝันต่อไปอีกว่า หม่อนจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชมความงามของต้นหม่อน ยิ่งไปกว่านั้นเกษตรกรอาจจะนำใบหม่อนที่เหลือจากการเลี้ยงแพะไปขายให้โรงงานผลิตชาใบหม่อน ซึ่งที่กาญจนบุรีมีโรงงานผลิตชาใบหม่อนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตั้งอยู่
ที่สำคัญคือใบหม่อน เป็นพืชอินทรีย์ เพราะไม่ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช และอาจจะใช้มูลแพะเป็นปุ๋ยแทนปุ๋ยเคมี ดังนั้นการเลี้ยงแพะในพื้นที่ดังกล่าวก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นแพะอินทรีย์ ทั้งเนื้อและนม สร้างมูลค่าเพิ่มได้อีก
ต้องขอบคุณผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯที่ให้ท่านอธิบดีอภัย สุทธิสังข์ ไปเป็นอธิบดีกรมหม่อนไหม ก่อนที่จะให้กลับมาเป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์ ไม่เช่นนั้น โครงการปลูกหม่อนเลี้ยงแพะอาจจะไม่เกิด
มาถึงเรื่องเดิมๆ ที่อยู่ในวังวน ข้ามไม่พ้นกันเสียที นั่นคือ เรื่องของการพบสารพิษตกค้าง ในผัก ผลไม้ ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ทั้งๆ ที่สินค้านั้นติดตราสัญลักษณ์รับรองความปลอดภัย งานนี้รองผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา ยื่นจดหมายให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สุวิทย์ ชัยเกียรติยศ เป็นเอกสารแจงผลการตรวจสอบผัก ผลไม้รอบที่ 2 ของปี 2559 ที่มูลนิธิชีววิถีสุ่มตัวอย่างนำไปตรวจสอบและพบสารพิษตกค้างเกือบทุกรายการ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรรับไว้ พร้อมบอกจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ และตรวจสอบหากพบว่าเกษตรกรรายใด หรือผู้ประกอบการรายใดที่ได้รับการรับรอง GAP หรือ เกษตรอินทรีย์ แต่มีสารพิษตกค้างจะยกเลิกการรับรองทันที
เรื่องราวของสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช หรือวัตถุอันตรายทางการเกษตร เป็นประเด็นข่าวร้อนๆ อยู่เสมอ ก่อนหน้านี้ก็เรื่องการขึ้นทะเบียนที่มีการกล่าวหากรมวิชาการเกษตรว่าทำงานล่าช้า ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่สามารถผลิต หรือนำสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชเข้ามาจำหน่ายได้ ฝ่ายราชการถูกโจมตีอยู่ข้างเดียว องค์กรใดๆ ที่รังเกียจสารเคมีนักหนา ไม่เห็นมีใครออกมาช่วยตอบโต้ หรือต่อต้าน พอเรื่องขึ้นทะเบียนสารเคมีซาไป เรื่องสารพิษตกค้างในผลผลิตก็มาแทนอย่างได้จังหวะ น่าเห็นใจจริงๆ แต่งานนี้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หรือ มกอช. ของเลขาธิการ ดุจเดือน ศศะนาวิน ดูจะเงียบไปรึเปล่า.......
อีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิชีววิถี และเป็นเรื่องที่ต้องขอบคุณ ที่มูลนิธิฯ โดยเฉพาะ วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ได้เผยแพร่ข่าวการถึงแก่กรรมของ คุณสุนทร สีหะเนิน อดีตข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ค้นพบข้าวหอมมะลิ เมื่อประมาณ 70 ปีมาแล้ว ผ่านทางโซเชียลมีเดีย พร้อมชีวประวัติ และผลงานของท่านให้คนรุ่นหลังได้ทราบและระลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างไว้ในวงการเกษตรในขณะที่ส่วนราชการที่ท่านเคยสังกัดอยู่คงจะลืมท่านไปแล้ว แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากมาย แต่หน่วยงานสุดท้ายที่ท่านสังกัดอยู่เมื่อเกษียณอายุราชการคือ กรมส่งเสริมการเกษตร และผลงานที่มีคุณค่าของท่านคือข้าวหอมมะลิ หรือภายหลังจากที่ท่านได้คัดเลือกพันธุ์แล้ว มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ที่มีชื่อเสียงของไทย อันเป็นต้นกำเนิดของข้าวหอมอีกหลายพันธุ์ในเวลาต่อมา
คุณสุนทร สีหะเนิน ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ด้วยวัย 94 ปี และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน มีคนรู้จักบอกว่า ท่านเป็นเพื่อนสนิทต่างวัยของท่าน ยุกติ สาริกะภูติ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เพิ่งจะถึงแก่กรรม ไปก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน
“.....นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา....”
ความจริง....ตามนั้น
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี