รายงานพิเศษ : แนวคิดการแก้ไขปัญหาข้าวและชาวนาอย่างยั่งยืน (2)

รายงานพิเศษ : แนวคิดการแก้ไขปัญหาข้าวและชาวนาอย่างยั่งยืน (2)

วันอังคาร ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

สำหรับรายละเอียดของปัญหาและแนวทางที่จะแก้ไขปรับปรุง มีดังนี้

1.กลไกภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการผลิตกับการตลาดข้าวขาดการรวมศูนย์


ปัญหานี้พูดง่ายๆ หมายถึง กระทรวงผู้รับผิดชอบด้านการผลิตข้าว กับการตลาดข้าวในประเทศไทยอยู่แยกกัน กล่าวคือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลด้านการผลิต ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดูแลด้านการตลาด ทำไมผมจึงว่าการแยกกันอยู่ไม่ดีแล้วถ้าจะเอาเรื่องการผลิตและการตลาดมารวมกันจะดีอย่างไร ข้อเสียของการแยกกันทุกวันนี้มีอยู่มากมาย ตัวอย่าง เช่น การวางแผนปริมาณการปลูก กับปริมาณความต้องการข้าวแต่ละปีไม่สอดคล้องกัน และ มีข้อถกเถียงมาโดยตลอด ฝ่ายเกษตรก็ว่าคุณพาณิชย์ช่วยบอกปริมาณความต้องการข้าวมาหน่อยสิในปีนี้ผมจะได้วางแผนปริมาณการผลิตข้าวได้ถูก ฝ่ายพาณิชย์ก็ว่าคุณเกษตรก็บอกมาก่อนสิว่าคุณจะผลิตได้เท่าไหร่ ผมจะได้ไปวางแผนขายได้ถูกต้อง สุดท้ายต่างคนต่างไม่มีข้อมูลให้แก่กัน จนกระทั่งถึงวันเก็บเกี่ยว คุณเกษตรก็ว่า คุณพาณิชย์ช่วยเอาข้าวไปขายให้ได้ราคาหน่อย หากราคาตกหรือขายไม่ได้ คุณพาณิชย์ก็ต่อว่า ก็คุณเกษตรผลิตสินค้าข้าวไม่ได้คุณภาพ ต้นทุนแพง จะขายได้อย่างไร ราคาจึงตก ต่างโทษกันไปมาระหว่างสองกระทรวง เวลามีคณะกรรมการนโยบายเกี่ยวกับข้าว ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กับกระทรวงพาณิชย์ต่างตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นเลขานุการใหญ่ แต่ก็ด้วยความที่พลังมากกว่า ปลัดพาณิชย์ก็เอาตำแหน่งนี้ไปทุกครั้ง และก็เป็นคณะกรรมการที่ใหญ่เทอะทะ เพราะมีหลายหน่วยงานเหลือเกินที่ทำเรื่องข้าว แล้วเราจะปล่อยให้สภาพเป็นอย่างนี้หรือ

ที่ยกมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ เท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องซึ่งพูดไปก็จะอายเขามากขึ้น ฉะนั้น เมื่อโอกาสอันงามมี ก็ตัดสินใจเอาเรื่องการตลาดข้าวมาอยู่ในกระทรวงด้านการผลิตเสียเถอะ เอามาอยู่ภายใต้คนรับผิดชอบคนเดียวทำเบ็ดเสร็จ จะได้ไม่ต้องโทษใคร โทษได้แต่ตัวเองเท่านั้น เงินงบประมาณก็คงลดไปได้อีกเยอะ ถามว่า แล้วเคยมีไหมที่กระทรวงเกษตรไทยเราดูแลด้านการตลาดด้วย มีสิ พวกผลไม้ ยางพารา สินค้าประมง ปศุสัตว์ก็ทำโดยกระทรวงเกษตร แล้วทำไมสินค้าข้าวจะเอามารวมไม่ได้ ถามต่อไปว่าแล้วเอามารวมกันดีอย่างไร ตอบเบื้องต้นโดยไม่ต้องอธิบายเหตุผลว่า ก็ประเทศที่เขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ประเทศในยุโรป หรือแม้แต่ญี่ปุ่น มาเลเซีย เขายกสินค้าเกษตรทุกชนิดมาให้กระทรวงเกษตรทำแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ผลิตยันขายเลย ทำแบบนี้แล้วสำเร็จ แล้วทำไมเราไม่เอามาเป็นแบบอย่างบ้างล่ะ ประเทศที่เรื่องผลิตและเรื่องตลาดแยกกันอยู่เหมือนเราปัจจุบัน ก็เช่น กัมพูชา ลาว ก็เห็นอยู่ว่าประสบความสำเร็จแค่ไหน แล้วเราจะเอาตามอย่างกระนั้นหรือ

2.หน่วยงานด้านการผลิตข้าวขาดการบูรณาการ

ข้อที่แล้วพูดถึงเฉพาะด้านการผลิตและการตลาด ซึ่งประเทศไทยอยู่คนละกระทรวง แต่ข้อนี้คงไม่พ้นที่จะต้องพูดถึงเฉพาะหน่วยเดียว คือ กระทรวงด้านการผลิต ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั่นเอง แนวคิดด้านการบูรณาการสำหรับประเทศไทยมีการพยายามผลักดันมานานเป็นสิบๆ ปี จนในที่สุดสำหรับผู้ปฏิบัติและมีประสบการณ์ตรง บรรลุแล้วว่า มันเป็นเพียงคำกล่าวที่สวยหรู เท่ และหลงใหลเคลิบเคลิ้มสำหรับเฉพาะผู้ที่นั่งอยู่แต่ในห้องแอร์ หรือสมัยก่อนใช้คำว่าหอคอยงาช้างเท่านั้น ฉะนั้น ถ้าจะแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวแบบเบ็ดเสร็จ ก็จงตื่นจากความฝันเสียเถอะ

ตอนตั้งกรมการข้าวมาเมื่อปี 2549 ก็คิดกันครั้งหนึ่งแล้วว่าจะให้เป็น “สำนักงานข้าวแห่งชาติ” ที่ทำเบ็ดเสร็จตั้งแต่ผลิตยันขาย มีการไปศึกษารูปแบบตัวอย่างการบริหารจัดการสินค้าเกษตรในประเทศต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ เขาก็ทำแบบนี้ ก็สรุปว่าแนวคิดข้างต้นต้องเอามาใช้ในประเทศไทย เพราะเห็นว่าข้าวและชาวนาสำหรับประเทศไทยมีความสำคัญที่สุดในทุกๆ ด้าน แต่เอาไปเอามาคงต้านพลังแฝงไม่ไหว เลยได้กรมการข้าว ที่เขียนภารกิจไว้อย่างยิ่งใหญ่ แต่เป็นองค์กรที่ง่อยเปลี้ยเสียขา มีคนทำงานที่เป็นนักวิชาการเพียง 600 คนเศษ แถมยังเป็นเจ้าหน้าที่วิจัยและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเท่านั้น ที่เฉือนมาจากกรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตร ตามลำดับ

ส่วนเจ้าหน้าที่ส่งเสริมหรือผู้ที่จะไปทำงานกับชาวนาไม่มีเลย ต้องฝากงานไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรและอื่นๆ งบประมาณด้านการส่งเสริมข้าวในพื้นที่ กรมส่งเสริมการเกษตรตั้งไม่ได้ สำนักงบประมาณไม่ยอม เพราะถือว่าภารกิจด้านข้าวอยู่ที่กรมการข้าว ทางแก้ไข คือกรมการข้าวต้องเป็นผู้ตั้งงบประมาณ และโอนไปให้กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าวเองก็สั่งงานต่างๆ ไปยังพื้นที่ไม่ได้ ต้องผ่านกรมส่งเสริมการเกษตร อย่างนี้มันจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร หลายคนก็งงว่าใครกันแน่ที่ทำเรื่องข้าว ชาวนาก็งง แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด/อำเภอก็งง เวลามีประชุมระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการที่รับผิดชอบในภาพรวมก็งง หนักกว่านั้นถ้างานข้าวในระดับพื้นที่จะต้องรับผิดชอบโดยกรมการข้าว (ตามชื่อกรม) ยังมีอีกตั้ง 43 จังหวัดที่ไม่มีศูนย์วิจัยข้าว หรือศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวตั้งอยู่ ผู้ว่าจะเรียกใคร

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ของปัญหา ยังมีอีกเยอะที่จะยกมาพูดเพื่ออธิบายความล้มเหลวของคำว่าบูรณาการ แต่ไม่อยากพูดมากเพราะจะทำให้ทุกฝ่ายไม่สบายใจ เอาเป็นว่า น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องทำให้องค์กรข้าวบ้านเรามีเอกภาพอย่างแท้จริง มีเครื่องมือกลไกอย่างพร้อมมูล เหมือนทหาร ที่มีทั้งฝ่ายเสนาธิการ และมีกำลังรบเป็นของตนเอง ไม่ต้องไปยืมจมูกคนอื่นหายใจอยู่อย่างเช่นทุกวันนี้ เวลาสั่งงานสั่งการมีสายตรงให้คุณให้โทษได้ มีหลายคนพูดว่า บ้านเราแปลก เอางานหลักเป็นงานฝาก แล้วอย่างนี้จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร เรื่ององค์กรทำเบ็ดเสร็จนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ลองไปดูประวัติศาสตร์กรมการข้าวยุคปี 2496 ก่อนยุบปี 2515 ตอนนั้นกรมการข้าวมีเจ้าหน้าที่ทั้งข้าวจังหวัด และข้าวอำเภอ ทำงานรับผิดชอบเรื่องข้าวในเกือบทุกมิติ

ผมเสนอว่าควรปรับโครงการหน่วยงานด้านข้าวอีกครั้งแม้บางคนถึงกับเสนอว่าให้ตั้งกระทรวงข้าว แต่ผมไม่คาดหวังขนาดนั้น แม้ทุกวันนี้ประเทศไทยมีกระทรวงสำหรับภารกิจที่กระจอกงอกง่อยมากมายก็เถอะ ผมเพียงเสนอให้มีองค์กรข้าวที่ใหญ่และทำทุกเรื่องภายใต้คนรับผิดชอบคนเดียว โดยจะใช้ชื่ออะไรก็ตามและนี้เป็นเงื่อนไขที่สองครับ

“ซี 10”

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top