10 ธ.ค. 59 เมื่อเวลา 16.30 น. สมาชิกชมรมผู้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล จำนวน 100 คน เข้าร่วมในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
รศ.ดร.พูนพิภพ เกษมทรัพย์ อาจารย์ประจำภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักเรียนทุนอานันทมหิดล ปี 2527 กล่าวว่า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุด ขอจดจำไปตลอดชั่วชีวิต ที่ครั้งหนึ่งได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวง ไปเรียนต่อจนสามารถไปศึกษาต่อจนจบปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส ประเทศสหรัฐ ยอมรับว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไปตลอด เพราะหากไม่ได้รับทุนอานันทมหิดล คงไม่มีวันนี้ และไม่มีสิทธิ์ได้ไปเล่าเรียนต่อในระดับสูงขนาดนี้แน่ หลังใช้เวลาศึกษาต่อ 5 ปี เมื่อจบการศึกษาจากสหรัฐฯ ก็กลับมารับราชการ เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ช่วงนั้นถือเป็นเวลาที่วิเศษที่สุดอีกครั้งในชีวิต เพราะทุกปีนักเรียนทุนอานันทมหิดล จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระราชวโรกาส ให้ เข้าเฝ้าฯยังจดจำบรรยากาศและความรู้สึกได้ดี พระองค์จะรับสั่งกับพวกเราอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองนาน 2-3 ชั่วโมง สิ่งที่พระองค์รับสั่งและประทับใจมากที่สุด คือ “พวกเราทุกคนเป็นเด็กของในหลวง”
อดีตนักเรียนทุนอานันทมหิดล กล่าวอีกว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยรับสั่งกับพวกเราด้วยว่า การที่พระราชทานทุนส่งเสียให้ไปศึกษาจบต่างประเทศนั้น สิ่งที่พระองค์ตั้งพระทัยไว้แต่ต้น คืออยากจะตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมา แล้วให้ทุกคนที่เรียนจบได้นำความรู้ที่เรียนมากลับมาสอนต่อ แต่เนื่องจากพระราชทรัพย์ไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถทำได้ การที่ได้กลับมารับใช้ชาติในสาขาอาชีพต่างๆก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้มีความหลากหลาย พระองค์ไม่เคยบอกว่าคนที่เรียนจบทุนอานันทมหิดล จะต้องกลับมาเมืองไทย เรื่องนี้อยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน แต่ยืนยันว่าจากการที่ได้เข้าเฝ้าใกล้ชิด ต่อเนื่องมารวม 5 ครั้ง และได้รับฟังพระราชดำรัสของพระองค์ สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของปากท้อง ทรงอยากให้พวกเราได้นำความรู้มาช่วยพัฒนาประเทศชาติ เพื่อให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สิ่งที่ทรงรับสั่งกับพวกเราทั้งหมด ส่วนตัวตั้งมั่นไว้ว่า จะนำมาปรับใช้และยึดมั่นตามที่ได้ทรงสอนสั่งตลอดไป ด้วยการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้า ตามหน้าที่เพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์
ด้านนางสาวมิ่งขวัญ ทองพฤกษา อายุ 35 ปี พนักงานบริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด มหาชน และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บัณฑิตคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้รับพระราชทานทุนการศึกษาปีพ.ศ. 2545 ไปศึกษาต่อด้านเศรษฐศาสตร์ ระดับปริญญาโทและเอกที่มหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจและถือเป็นที่สุดในชีวิตที่ได้รับโอกาสอันสำคัญสุดในชีวิตเช่นนี้ และอยากจะมอบโอกาสนี้แก่ผู้อื่นต่อไปด้วยการทำหน้าที่เป็นอาจารย์ให้ความรู้กับประชาชน การที่ได้มากราบสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่งถือเป็นความตื้นตันอย่างมาก
"หากจะถามถึงความรักและประทับใจที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ต้องนับย้อนไปถึงสมัยที่ได้รับโอกาสไปศึกษาต่อที่คอร์แนล ช่วงที่เรียนต่อปริญญาเอกนั้นรู้สึกว่ายาก ท้อแท้ แต่ละวิชาเรียนได้เอฟ และถอน แทบทุกวิชาในแต่ละเทอม จนรู้สึกท้อใจและคิดว่าไม่ไหวแล้ว เดินไปลาออก แต่มีอาจารย์ท่านหนึ่งชาวอินโดนีเซียกล่าวกับเราว่า หากเราจะลาออกย่อมทำได้ แต่เราจะเป็นนักเรียนทุนคิงคนเดียวที่ลาออกกลางทาง คำนั้นทำให้เรารู้สึกสำนึกชะงักคิด และกลับไปตั้งใจเรียนต่อ จากเอฟ ได้พัฒนาไปเป็นเกรดซี บี และเอในทรานสคริปต์ในที่สุด จากพูดภาษาอังกฤษก็พูดไม่ได้ก็พยายามคุยกับต่างชาติ พยายามมากที่สุด จนจบภายใน 5 ปี และรู้ว่าเรื่องการศึกษานี้เป็นสิ่งสำคัญที่อยากจะส่งต่อโอกาสให้กับนิสิต และคิดหาอาชีพให้กับพวกเขาต่อไป" นางสาวมิ่งขวัญ กล่าว
นางสาวมิ่งขวัญ กล่าวต่อว่า ช่วงระหว่างเรียนเคยท้อแท้ ร้องไห้เสียใจมาก จึงเขียนจดหมายผ่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล มูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อทูลเกล้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งในปีที่เราเรียนอยู่นั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปทรงแสดงความยินดีในโอกาสพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงสำเร็จการศึกษาที่มหาวิทยาลัยคอร์แนล นักเรียนทุนคิงทุกคนที่นั่นจึงมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์มีรับสั่งว่า "มิ่งขวัญ ได้รับจดหมายทุกฉบับเลย เราเป็นกำลังใจให้นะ" ทำให้เรามีพลังสู้ต่อไป และเมื่อสำเร็จการศึกษาได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อีกครั้ง พระองค์ทรงมีรับสั่งอีกว่า "ดีใจด้วยนะ เราเอาใจช่วยตลอดเลย" หลังจากที่พระองค์เคยรับสั่งเมื่อตอนที่เราได้รับทุนว่า "ดีใจที่มีเด็กต่างจังหวัดได้รับทุนบ้าง" นั่นทำให้เรามุ่งที่คิดจะทำความดี และพัฒนาประเทศชาติอย่างไม่หวั่นเหน็ดเหนื่อย เพราะรู้ว่ามีคนที่เหนื่อยและรอคอยโอกาสเช่นเราอีกมาก"
ขณะที่ น.ส.สมหญิง พัฒน์ธีรพงศ์ อายุ 42 ปี อาจารย์คณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล่าว่า ตัวเองได้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดลแผนกแพทยศาสตร์ปี 2543 ไปศึกษาต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโอกาสให้ตัวเองไม่ใช่เพียงได้เรียนจบในระดับสูงเท่านั้น แต่ยังได้นำความรู้เล่าเรียนจากต่างประเทศมาต่อยอดสอนให้กับนิสิต นักศึกษาในประเทศไทย ทุนมูลนิธิอันทมหิดลจึงถือได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่มีคุโณปการต่อประเทศชาติอย่างมาก จึงรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสมาร่วมเป็นเจ้าภาพในพระราชพิธีและฟังสวดพระอภิธรรมพระบรมศพในวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี